นายสว่าง ประจักษ์ธรรม ประธานกรรมการ บมจ.ไทยออพติคอลกรุ๊ป(TOG) กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 54 เติบโต 10% จากปี 53 ที่คาดว่าจะเติบโต 8-10%
การเติบโตของรายได้ปีหน้ามาจากการขยายไลน์การผลิตเพิ่ม ห้องแล็ปที่มาเลเซียและสิงคโปร์เริ่มทำงานแล้ว ซึ่งมีลูกค้าของบริษัทรองรับทั้งหมด รวมทั้งการขยายการผลิตเพิ่มเติมในส่วนของเลนส์พื้นฐานจาก 1.2 ล้านแผ่น/เดือน เป็น 2 ล้านแผ่น/เดือน คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 1/54
ทั้งนี้ การเพิ่มกำลังการผลิตนั้นบริษัทมีตลาดรองรับไว้แล้ว โดยตลาดหลักอยู่ที่ยุโรป ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะมีออร์เดอร์จากพันธมิตรในยุโรปราว 200-300 ล้านบาท และในปี 54 จะเติบโตราว 20%
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแผนเพิ่มสัดส่วนรายได้ในประเทศจาก 5% เป็น 10% เพื่อลดความเสี่ยงจากเงินบาทแข็งค่า
นายสว่าง กล่าวอีกว่า บริษัทตั้งงบลงทุนในปีหน้าไว้ที่ 210 ล้านบาท โดยในจำนวนดังกล่าว 160 ล้านบาทจะเป็นการลงทุนต่อเนื่องจากปีนี้ ส่วนอีก 50 ล้านบาทเป็นการขยายกำลังผลิตเลนส์พื้นฐาน นอกจากนั้นในปีหน้าบริษัทกำลังศึกษาการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนา เป็นเลนส์กันกระแทกชนิดบาง คาดว่าจะศึกษาแล้วเสร็จในช่วงครึ่งแรกของปี 54 และน่าจะส่งออกได้ในช่วงครึ่งปีหลัง
ปัจจุบัน บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากเลนส์พื้นฐาน 40% เลนส์พิเศษ 60% แต่หากคิดจากจำนวนชิ้นจะเป็นเลนส์พื้นฐาน 60% และเลนส์พิเศษ 40% โดยบริษัทมีเป้าหมายในปี 55 สัดส่วนเลนส์พิเศษจะเพิ่มขึ้น ขณะที่สัดส่วนสมดุลอยู่ที่ 50-50 แต่ยังไม่ได้คาดการณ์ว่าจะเป็นช่วงไหน
สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยปีหน้าอยู่ที่ 25% ขณะที่อัตรากำไรสุทธิตั้งเป้าไว้ที่ 10% โดยอัตรากำไรขั้นต้นของเลนส์พิเศษอยู่ที่ 25-40% ส่วนเลนส์พื้นฐานอยู่ที่ 15-20%
นายสว่าง กล่าวว่า แนวโน้มการจ่ายเงินปันผลปีนี้น่าจะใกล้เคียงกับปีก่อน แต่คงต้องรอดูตัวเลขสุดท้ายก่อน แต่ขณะนี้ช่วงไตรมาสสุดท้ายก็ยังไม่มีอะไรผิดไปจากแผน
นายสาโรจน์ ประจักษ์ธรรม กรรมการผู้จัดการ TOG กล่าวว่า ช่วงไตรมาส 2-3/54 บริษัทจะเปิดห้องแล็บที่ประเทศพม่าเพิ่ม โดยภายในเดือน ธ.ค.นี้ ผู้บริหารจะเดินทางหารือกับฝ่ายพม่า คาดว่าจะมีข้อสรุปที่ชัดเจนได้
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ชะลอแผนการเปิดห้องแล็บที่ประเทศฟิลิปปินส์และเวียดนาม เพื่อรอลูกค้าตัดสินใจด้านราคา ส่วนแผนการลงทุนที่ประเทศตุรกีได้มีการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายแล้วตั้งแต่ไตรมาส 2/53 ส่วนการลงทุนเพิ่มเติมขอพิจารณาจากผลประกอบการก่อน หากมีผลประกอบการดี ก็พร้อมเสนอให้คณะกรรมการพิจารณาต่อไป