TOP ปี 54 เริ่มรุ่งคาดกำไรโต 10-20% ตาม GIM สูงขึ้นทั้งโรงกลั่น-ปิโตร

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday November 30, 2010 16:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ไทยออยล์(TOP)คาดปี 54 กำไรสุทธิจะเติบโตขึ้น 10-20% จากปี 53 เป็นไปตามคาดการณ์ค่าการกลั่นรวม(GIM)ที่จะปรับขึ้นไปที่เฉลี่ย 7 เหรียญ/บาร์เรลและค่าการกลั่น(GRM)อยู่ที่ 4 เหรียญ/บาร์เรลในปีหน้า จากปี 53 ที่คาดว่า GIM เฉลี่ยประมาณ 6 เหรียญ/บาร์เรลและGIM กว่า 3 เหรียญ/บาร์เรล

"เราเห็นนัยสำคัญว่า demand ที่เพิ่มขึ้นมา เป็น Real demand เราเริ่มเห็นความต้องการในโลกเริ่มขัดเจนขึ้นมา เรื่องของ capacity ก็ไม่มี surprise ขึ้นมา การเปิดโรงกลั่นใหม่น้อยลง เพราะฉะนั้น cycle ของมันที่บอกว่า Super cycle ไม่ใช่ แต่เป็น Recovery cycle ซึ่งน่าจะเห็นค่าการกลั่น 4 เหรียญ ค่า GIM 7 เหรียญของไทยออยล์ในปีหน้า จากปีนี้ที่ GIM น่าจะได้ 6 เหรียญเศษ" นายสุรงค์ บูลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"

"good cycle น่าจะกลับมา ปกติธุรกิจ 8 ปีดี 8 ปีร้าย แต่ไม่แน่หรอกขึ้นอยู่กับหลาย factor กำไรสุทธิ ปี 54 ผมก็หวังว่าโต 10-20% ไม่ได้หวังมาก เพราะเราเป็นธุรกิจ basic จะไปรวยมากๆ ก็ไม่ดี"นายสุรงค์ กล่าว

สำหรับในช่วงไตรมาส 4/53 คาดว่า GIM จะอยู่ระดับ 7 เหรียญ/บาร์เรล และ GRM ประมาณ 4 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งดีขึ้นต่อเนืองจากไตรมาส 3/53 ที่เริ่มเห็นแนวโน้มธุรกิจกลับมาฟื้นตัวขึ้น

รวมถึงราคาพาราไซลีนปรับตัวขึ้นมาจากเดิมที่ปรับลงไปต่ำที่ 1,200 เหรียญ/ตัน โดยคาดว่าในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้จะมีสเปรดประมาณ 480 เหรียญ/ตัน และจะดีต่อเนื่องไปถึงปีหน้าไปจนถึงเดือนก.พ. 54 หรือช่วงตรุษจีน เนื่องจากการขาดแคลนฝ้าย(cotton) ขณะที่มีความต้องการสูงตามฤดูกาล

นอกจากนั้น ในปี 54 โรงกลั่นจะสามารถใช้กำลังการผลิตได้เต็มที่หรือมีกำลังการกลั่นเฉลี่ย 2.7 แสนบาร์เรล/วัน เพราะไม่มีแผนปิดซ่อมครั้งใหญ่เหมือนปีนี้ และสเปรดของพาราไซลีนคาดว่าจะทรงตัวที่ 480 เหรียญ/ตันใกล้เคียงไตรมาส 4/53

"ในปี 54 คาดว่าจะมีกำลังการกลั่นเฉลี่ลย 2.7 แสนบาร์เรล/วัน เพราะบริษัทไม่มีแผนปิดซ่อมโรงกลั่นครั้งใหญ่ เพราะฉะนั้นจะเดินเครื่องได้ตามแผน Business Cycle เราก็กลับมาอยู่ที่ Full ส่วนรายได้ขึ้นอยู่กับราคาน้ำมัน แต่มาร์จิ้นมองว่าน่าจะดีกว่าปีนี้"นายสุรงค์ กล่าว

ขณะที่คาดว่าราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยในปี 54 จะอยู่ที่ 83 เหรียญ/บาร์เรล โดยช่วงราคาอยู่ที่ 79-90 เหรียญ/บาร์เรล และมีโอกาสปรับขึ้นไปถึง 100 เหรียญ/บาร์เรลได้ จากปีนี้คาดว่าจะปิดสิ้นงวดระดับ 80-85 เหรียญ/บาร์เรล

เหตุผลที่ราคาน้ำมันดิบในปีหน้ามีแนวโน้มปรับขึ้น เนื่องจากความต้องการเพิ่มขึ้นประมาณ 1.2 -1.3 ล้านบาร์เรล/วัน ส่วนใหญ่มาจากในเอเชีย โดยเฉพาะจีนยังต้องการนำเข้าดีเซลเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยทำให้ค่าการกลั่นดีขึ้น ขณะเดียวกันโรงกลั่นใหม่ก็คาดว่าเดินเครื่องล่าช้ากว่าแผน

*ปี 53 ทำได้ดีกว่าเป้าหมาย

นายสุรงค์ กล่าวว่า แม้ว่ากำไรสุทธิปีนี้จะต่ำกว่าปี 52 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 1.2 หมื่นล้านบาท โดยมีกำไรจากสต็อกน้ำมันราว 6 พันล้านบาท แต่ปี 53 คาดว่าคงมีกำไรจากสต็อกน้ำมันแม้จะไม่มาก และในไตรมาส 1-2/53 ผลประกอบการไม่ค่อยดีเท่าไร แต่จากความพยายามในการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพและมีการใช้กำลังการผลิตถึง 97% แม้จะมีปิดซ่อมอยู่มาก ทำให้ผลประกอบการดีกว่าเป้าหมาย

บริษัทมีปัจจัยบวกที่ผลักดันผลกำไรดีขึ้นในปีนี้ ได้แก่ กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนคาดว่าปีนี้จะมีกำไรประมาณกว่า 2 พันล้านบาท จากที่บริษัทมีหนี้สกุลดอลลาร์สหรัฐ 37% ของหนี้ระยะยาว 4.25 หมื่นล้านบาท และกำไรจากสต็อกน้ำมัน แต่คาดว่าคงไม่มาก จากต้นปีที่ราคาน้ำมันอยู่ที่ 74 เหรียญ/บาร์เรล

งวด 9 เดือนปี 53 ค่า GIM อยู่ที่ 5.5 เหรียญ/บาร์เรล และ GRM อยู่ที่ 3.1 เหรียญ/บาร์เรล เฉพาะในช่วงไตรมาส 3/53 ค่า GIM ปรับขึ้นถึง 6.1 เหรียญ/บาร์เรล และค่า GRM อยู่ที่ 3.7 เหรียญ/บาร์เรล

ทั้งนี้ งวด 9 เดือนบริษัทมีกำไรสุทธิ 5,403 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 48% ส่วนรายได้ เพิ่มขึ้น 16% จากงวดเดียวกันของปีก่อนเป็น 2.37 แสนล้านบาท

ด้านนายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ผู้ช่วยกรรมการอำนวยการด้านการเงิน TOP กล่าวว่า ในส่วนการเจรจาซื้อกิจการเอทานอลอยู่ระหว่างมองหาโรงงานที่มีขนาด 2 แสนลิตร/วัน หรือ 4 แสนลิตร/วัน เพื่อต่อยอดธุรกิจให้มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น หลังจากกลางปีที่ผ่านมาบริษัทได้เข้าซื้อหุ้นสัดส่วน 50% ในบริษัท ทรัพย์ทิพย์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเอทานอล ทั้งนี้เพื่อใช้เป็นส่วนผสมแก๊สโซฮอล์

ขณะที่การเพิ่มกำลังการผลิตพาราไซลีนอีก 1 แสนตัน/ปี กำหนดเสร็จในปี 55 นั้นเป็นการเปลี่ยนการผลิตสารโทลูอีนที่มีมาร์จิ้นต่ำมาเป็นพาราไซลีนที่มีมาร์จิ้นสูง และมีโครงการ TDAE (น้ำมันยางมลพิษต่ำ) ที่ใช้เป็นส่วนผสมการผลิตชิ้นส่วนยางรถยนต์ คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ใน ม.ค.54 ที่มีกำลังการผลิต 5 หมื่นตัน/ปี คาดว่าจะมีมาร์จิ้นเพิ่มขึ้นระดับที่ 400 เหรียญ/ตัน หรือ ประมาณ 20 ล้านเหรียญ/ปี

ส่วนโรงไฟฟ้าของบริษัท ผลิตไฟฟ้าอิสระ(ประเทศไทย) จำกัด(IPT)คาดจะกลับมาเดินเครื่องในสัปดาห์นี้ จากที่ปิดไปเมื่อ 27 เม.ย.53 และมีการปิดซ่อม 7 เดือน ซึ่งบริษัทรับผิดชอบการเสียโอกาสทางธุรกิจ 2 เดือนประมาณ 1 ล้านเหรียญ ส่วนที่เหลือ 5 เดือนได้จากเงินประกันที่ครอบคลุมความเสียหายได้หมด


แท็ก ไทยออยล์   (TOP)  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ