ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (30 พ.ย.) ซึ่งเป็นการปิดลบติดต่อกัน 3 วันทำการ เนื่องจากตลาดยังคงถูกกดดันจากกระแสความวิตกกังวลที่ว่าวิกฤตหนี้สาธารณะจะลุกลามไปทั่วยุโรป โดยมีการคาดการณ์ว่า สเปนและโปรตุเกสอาจเป็นประเทศถัดไปที่จะต้องขอความช่วยเหลือด้านการเงินจากสหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) หลังจากที่ไอร์แลนด์ได้รับเงินช่วยเหลือไปแล้วก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานราคาบ้านที่ร่วงลงของสหรัฐ ซึ่งสะท้อนถึงภาวะซบเซาของตลาดที่อยู่อาศัย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 46.47 จุด หรือ 0.42% ปิดที่ 11,006.02 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 7.21 จุด หรือ 0.61% ปิดที่ 1,180.55 จุด และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 26.99 จุด หรือ 1.07% ปิดที่ 2,498.23 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กและตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 8.72 พันล้านหุ้น
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่าปัญหาหนี้สาธารณะอาจลุกลามไปยังประเทศอื่นๆในยุโรป โดยเฉพาะสเปนและโปรตุเกสที่มีแนวโน้มว่าจะขอความช่วยเหลือจากไอเอ็มเอฟและอียู หลังจากที่ไอร์แลนด์ได้รับวงเงินกู้ฉุกเฉินมูลค่า 8.5 หมื่นล้านยูโร (1.13 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ไปเมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรปส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของรัฐบาลสเปนพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 5.7% เมื่อวานนี้ และยังส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 สัปดาห์เมื่อเทียบกับยูโร ซึ่งกดดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์ร่วงลงอย่างหนัก โดยเมื่อวานนี้ สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ดิ่งลง 1.62 ดอลลาร์ แตะที่ 84.11 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงด้วย
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้ปัจจัยลบจากรายงานของสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์เปิดเผยว่า ราคาบ้านใน 20 เขตเมืองของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงนิวยอร์ก ไมอามี และบอสตัน ร่วงลง 0.7% ในเดือนก.ย. หลังจากนโยบายลดหย่อนภาษีสำหรับผู้ซื้อบ้านหลังแรกได้หมดอายุลง ขณะเดียวกันการร่วงลงของราคาบ้านสะท้อนให้เห็นว่า ตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐยังคงได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจและอัตราว่างงานที่อยู่ในระดับสูง
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กสามารถไต่ขึ้นจากระดับต่ำสุดของวันได้ เพราะได้แรงหนุนจากข่าวที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เตรียมเจรจาต่อรองกับพรรครีพับลิกันเกี่ยวกับนโยบายภาษีในไม่กี่วันข้างหน้านี้ ซึ่งคาดว่าจะนำไปสู่การขยายเวลาการลดหย่อนภาษีกำไรและเงินปันผล
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานของสมาคมผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อแห่งชาติ (NAPM) ที่ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ชิคาโกเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 62.5 จุด สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 60.0 จุด และคอนเฟอเรนซ์ บอร์ดเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้นแตะระดับ 54.1 จุด จากเดือนต.ค.ที่ระดับ 49.9 จุด
หุ้นกูเกิลปิดร่วงเกือบ 5% หลังจากมีรายงานว่า กูเกิลวางแผนเข้าซื้อกิจการบริษัท Groupon มูลค่า 5-6 พันล้านดอลลาร์
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ ADP Employer Services จะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานทั่วประเทศเดือนพ.ย. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนต.ค. ISM จะเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ย. และธนาคารกลางสหรัฐจะเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติเปิดเผยยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนต.ค.
ส่วนวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนต.ค. และ ISM จะเปิดเผยดัชนีภาคบริการและดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจเดือนพ.ย.