นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าบริหารฝ่ายการเงิน บมจ.ปตท.(PTT)กล่าวว่า บริษัทยืนยันแนวคิดที่จะขายหุ้น บมจ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟนิ่ง (SPRC) หลังจากบริษัทดังกล่าวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เนื่องจากหากสัดส่วนที่ PTT ถือหุ้นใน SPRC ลดลงเหลือ 25% จากเดิม 36% ก็จะทำให้ไม่ได้เป็นผู้ควบคุมการดำเนินงาน และไม่ต้องการถูกมองว่าเป็นผู้ผูกขาดธุรกิจโรงกลั่นในประเทศไทย
อนึ่ง วานนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)อนุมัติให้ SPRC ซึ่งเป็นโรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่ 1 ใน 6 ของประเทศที่มี PTT และกลุ่มเชฟรอนถือหุ้นใหญ่สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
นายเทวินทร์ กล่าวว่า ถือเป็นนโยบายที่ดีและบริษัทพร้อมในการปฏิบัติตาม แต่ PTT เป็นเพียงผู้ถือหุ้นอันดับสอง โดยถือเพียง 36% ขณะที่ เชฟรอน ถือหุ้น 64% ดังนั้นอำนาจการตัดสินใจจึงเป็นของเชฟรอน ซึ่งที่ผ่านมา PTT และเชฟรอนได้มีการพูดคุยเพื่อแก้ไขปัญหาด้านสัญญากันมาอย่างต่อเนื่อง เพราะเดิมสัญญาร่วมทุนไม่ได้มีข้อกำหนดให้นำโรงกลั่น SPRC เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
“เข้าใจว่ารัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องการพัฒนาตลาดทุนให้มีความก้าวหน้าเพราะถ้า SPRC เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไดทยจะเพิ่มขนาดของมาร์เก็ตปแคปและความน่าสนใจตลาดทุนไทยแต่ยังติดปัญหาในสัญญาที่ต้องแก้ไขซึ่งเปิดเผยไม่ได้ต่หลักๆคือการแก้สัญญาเพื่อให้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้"นายเทวินทร์ กล่าว
เบื้องต้น SPRC จะดำเนินการกระจายหุ้น 30% ให้ผู้ถือหุ้นรายย่อย จะทำให้สัดส่วนผู้ถือหุ้นในโรงกลั่นสตาร์ฯ เปลี่ยนเป็นเชฟรอนถือหุ้นลดลงเหลือ 45% และ PTT ลดเหลือ 25% โดยทางบมจ.ปตท.ยังคงเห็นว่าการที่หุ้นเพียง 25% เป็นสัดส่วนการลงทุนที่ไม่ได้เป็นผู้ควบคุมการดำเนินงานจึงมีแผนว่าภายหลังการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะเสนอขายหุ้นในสัดส่วนที่ถืออยู่ 25% ออกมา
นายเทวินทร์ กล่าวว่า สำหรับเงินที่ได้จากการขายหุ้นในสัดส่วนดังกล่าวยังไม่สามารถประเมินได้เนื่องจากต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ขณะนั้น และยังต้องขึ้นอยู่กับกระบวนการกระจายหุ้นว่าเป็นลักษณะการเสนอขายหุ้นเก่าที่ถืออยู่หรือเสนอขายหุ้นใหม่ซึ่งยังคงมีรายละเอียดที่ต้องศึกษาอีกมาก
และขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ว่าการที่รัฐเร่งผลักจะทำให้การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของ SPRC จะเร็วกว่าแผนที่นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PTT เคยกล่าวว่า SPRC จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทยในราวไตรมาส 3/54 ได้หรือไม่