OFM คงเป้ารายได้ปี 53 โต 20% กำไรโต 50%,ปีหน้าโตต่อเนื่อง-บุกอินโดจีน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday December 1, 2010 16:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวรวุฒิ อุ่นใจ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ออฟฟิศเมท(OFM)คาดว่า กำไรสุทธิในปีนี้จะเติบโตถึง 50% จากปีก่อน เนื่องจากบริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้นแต่มีค่าใช้จ่ายคงที่ โดยบริษัทยังคงเป้ารายได้ที่ 1.1 พันล้านบาท เติบโต 20% จากปี 52 ขณะที่อัตรากำไรสุทธิทั้งปีอยู่ที่ประมาณ 4% ซึ่งในช่วง 9 เดือนแรกอยู่ที่ระดับ 3.9% แล้ว

ส่วนในปี 54 เชื่อว่ายังมีรายได้เติบโตต่อเนื่องในระดับ 1.3 พันล้านบาท หรือเติบโต 20% จากปีนี้ ขณะที่กำไรสุทธิน่าจะออกมาดีกว่าปีนี้ด้วยเช่นกัน และบริษัทคงเป้าหมายที่ทำรายได้แตะ 2 พันล้านบาทภายใน 5 ปี หรือในปี 56

นายวรวุฒิ กล่าวว่า บริษัทได้มีการหารือกับบริษัท ไปรษณีย์ไทย ในการร่วมมือด้านระบบขนส่งเพื่อขยายตลาดสินค้าอุปกรณ์สำนักงานของออฟฟิศเมทและสินค้าอุปโภคบริโภคภายใต้ trendyday.com ไปในภูมิภาคอินโดจีน ได้แก่ ลาว กัมพูชา และเวียดนาม โดยจะเริ่มภายในไตรมาส 3/54 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำข้อตกลงด้านภาษีศุลกากรกับทั้ง 3 ประเทศ และกลางปีหน้าจะเริ่มเข้าไปสำรวจตลาด

ขณะเดียวกัน บริษัทได้ร่วมมือกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.)ในการนำสินค้าของผู้ประกอบการ SME ของไทยที่เป็น product champion ร่วมบุกตลาดในอินโดจีนด้วย โดยมองว่าตลาดอินโดจีนยังมีความต้องการสินค้าไทยค่อนข้างมาก และเป็นการเปิดโอกาสให้สินค้าในอินโดจีนเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยได้ด้วย

บริษัทยังมีแผนที่จะลงทนราว 100 ล้านบาทสร้างคลังสินค้าใหม่ภายใน 1-2 ปี ขนาดพื้นที่ 7.2 พันตารางเมตร เพื่อรองรับการจัดเก็บสต็อกสินค้า ซึ่งหากความร่วมมือกับภาครัฐในการนำสินค้า SME บุกตลาดอินโดจีนมีความชัดเจนเร็วขึ้น อาจจะทำให้บริษัทเร่งการลงทุนในเร็วขึ้นด้วย โดยอาจจะตั้งคลังสินค้าใหม่ได้ภายใน 1 ปี

นายวรวุฒิ กล่าวว่า บริษัทยังมีแผนเปิดสาขาในลักษณะ work@branch โดยปัจจุบันได้มีการเปิดสาขาแรกไปแล้วที่สำนักงานของโมเดิร์นฟอร์ม โดยมีพนักงานคอลเซ็นเตอร์ 50 ที่นั่ง ซึ่งได้ปรับแผนการทำงานหลังจากมีปัญหาในเรื่องของ work@home เพราะหาพนักงานมาทำงานในลักษณะดังกล่าวยาก ระบบไอทียังไม่สะดวกเพียงพอที่จะรองรับ โดยบริษัทมีแผนเพิ่มพนักงานอีก 50 ที่นั่งทุก 6 เดือน จนครบ 400 ที่นั่ง

และต้นปี 55 บริษัทจะเปิดร้านค้าแห่งแรกที่โครงการเมกะบางนา เพื่อเจาะตลาดลูกค้าต่างประเทศเป็นหลัก เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นจุดรองรับนักท่องเที่ยว ขณะเดียวกันก็จะมีกิจกรรมกับนักท่องเที่ยวเพื่อขยายตลาดต่างประเทศมากขึ้น

รวมทั้ง มีแผนจะสั่งซื้อสินค้าจากฮ่องกงและจีนที่เป็นสินค้าเฮ้าส์แบรนด์เข้ามาจำหน่ายมากขึ้น เนื่องจากเป็นสินค้าที่มาร์จิ้นดี

"ไม่กังวลจากเซ็นทรัลหรือเดอะมอลล์มาทำตลาดสินค้าออนไลน์ เพราะเราอยากให้ยักษ์ใหญ่มากระตุ้นพฤติกรรมการบริโภคเพื่อช่วยมากระตุ้นตลาด...ปีหน้าระบบซอฟท์แวร์เราจะรองรับคำสั่งซื้อสินค้าได้มากขึ้น ซึ่งจะมีสินค้าเพิ่มขึ้นเป็น 1.2 หมื่นรายการ และจะมีสินค้าครบวงจรเพื่อรองรับตลาด operate จุดเด่นของเราคือ 499 ส่งฟรีทั่วประเทศ"นายวรวุฒิ กล่าว

อย่างไรก็ตาม บริษัทมองว่าปัญหาเศรษฐกิจต่างประเทศไม่ใช่สิ่งที่น่ากังวล เนื่องจากผู้ประกอบการไทยมีการปรับตัวได้ตั้งแต่ช่วงวิกฤติเศรษฐกิจปี 40 แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่าคือการเมืองในประเทศที่เป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้ยาก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ