บทวิเคราะห์ บล.ฟาร์อีสท์ ระบุถึงกระแสข่าวว่ากระทรวงการคลังสั่งเพิ่มทุนธนาคารกรุงไทย(KTB)เพื่อขายหุ้นให้กับรายย่อย 30% ของทุนเดิม ดันตัวเลขเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงขั้น 1 (Tier1) ทะลุ 11% ว่า หากการเพิ่มทุนครั้งนี้เกิดขึ้นจริงส่งผลดีต่อ KTB ในการขยายสินเชื่อได้อีกมาก
เนื่องจากในปี 54 KTB มีแผนที่จะปล่อยสินเชื่อให้กับโครงการเมกะโปรเจ็คต์หลายโครงการ ทั้งนี้ สัดส่วนเงินกองทุนรวมใน 3Q10 อยู่ที่ระดับ 15.35% แบ่งเป็น เงินกองทุนขั้นที่ 1 (Tier I) ที่ระดับ 9.64% และ เงินกองทุนขั้นที่ 2 (Tier II) ที่ระดับ 5.89% ซึ่งในส่วนของ Tier I ของ KTB ถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำสุดในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ที่มี Tire I อยู่ในระดับราว 12-18% และหากมีการเพิ่มทุนเข้ามาอีก 30% ของทุนเดิม จะส่งผลให้ KTB มี Tier I เพิ่มขึ้นได้เป็น 11-12% ซึ่งสามารถรองรับการเติบโตของสินเชื่อที่จะเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม KTB มีความเสี่ยงจากราคาเพิ่มทุนที่ยังไม่ได้มีการเปิดเผยออกมา ซึ่งหากราคาเพิ่มทุนต่ำกว่าราคาในตลาดในปัจจุบัน จะทำให้เกิด Dilution Effect ของราคาได้
ขณะที่เรายังคงมุมมองเดิม โดยแนะนำ “ซื้อ" ราคาเหมาะสมที่ 20.20 บาท อิง P/BV ที่ 1.7 เท่า เนื่องจากการเติบโตของสินเชื่อใน FY10E มีการขยายตัวได้เติบโตโดดเด่นที่สุดในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ เพราะ KTB ได้รับประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการไทยเข้มแข็งมากที่สุด ขณะที่ใน 4Q10E มีแนวโน้มที่ NIM จะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีกจากการปล่อยสินเชื่อรายใหญ่และรายย่อยมากขึ้น
ประกอบกับ KTB ยังจะได้รับประโยชน์จากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 ที่จะมีการใช้จ่ายและการลงทุนของภาครัฐ รวมถึง เราคาดว่า ในปี 54 จะมีการเติบโตของสินเชื่อได้อีกราว 8% YoY จากการปล่อยสินเชื่อให้กับโครงการเมกะโปรเจ็คต์อีกหลายโครงการ