นายต่อ อินทวิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายธุรกิจกองทุนและที่ปรึกษาการลงทุน บลจ. ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า บริษัทกำหนดจ่ายเงินปันผลสำหรับกองทุนที่ลงทุนในประเทศและกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ จำนวน 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย อีควิตี้ฟันด์-ปันผล ซึ่งกำหนดจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 7 ในอัตรา 3 บาท/หน่วย และกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย โกลบอล อีเมอร์จิ้ง มาร์เก็ต-ปันผล กำหนดจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 10 ในอัตรา 0.638 บาท/หน่วย สำหรับผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม 2553 -31 ตุลาคม 2553 โดยจะจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหน่วยทุกรายในวันที่ 13 ธันวาคมนี้
สำหรับ กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย อีควิตี้ฟันด์-ปันผล มีนโยบายลงทุนเน้นการลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียน ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่มีปัจจัยพื้นฐานและผลประกอบการดี มีผลตอบแทนของกองทุนย้อนหลังนับจากต้นปี จนถึงวันที่ 29 ตุลาคม 2553 อยู่ที่ 38.58% ในขณะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ อยู่ที่ 34.78%
ส่วนกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย โกลบอล อีเมอร์จิ้ง มาร์เก็ต-ปันผล มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐของประเทศเกิดใหม่ทั่วโลก โดยเน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอันดับเครดิตอยู่ในระดับที่ลงทุนได้ (Investment Grade) ผลตอบแทนของกองทุนย้อนหลังนับจากต้นปี จนถึงวันที่ 29 ตุลาคม 2553 อยู่ที่ 14.52% ในขณะที่ดัชนีเปรียบเทียบ อยู่ที่ 3.01%
“ตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมาได้ปรับตัวสูงขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยหนุนจากตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่คาดว่าจะเติบโตถึง 8% ในปีนี้ รายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ดีขึ้นและเติบโตอย่างแข็งแกร่ง รวมทั้งเม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามากว่า 50,000 ล้านบาท ส่งผลให้กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย อีควิตี้ฟันด์- ปันผล ที่เราบริหารอยู่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนได้เกือบ 40% นับจากต้นปี ทำให้เราสามารถจ่ายเงินปันผลในรอบนี้ที่ 3 บาทต่อหน่วย โดยหากนับการจ่ายเงินปันผลในช่วงเดือนพฤษภาคม 2553 ที่ 0.2355 บาทต่อหน่วย ทำให้ในปีนี้เ ราสามารถจ่ายเงินปันผลรวม 3.2355 บาทต่อหน่วย" นายต่อกล่าว
ขณะที่ตลาดตราสารหนี้ต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดเกิดใหม่หรืออีเมอร์จิ้ง มาร์เก็ต ล้วนมีฐานะการเงินและภาวะเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง อีกทั้งกองทุนยังได้รับกำไรจากการปรับเพิ่มอันดับเครดิตของประเทศในกลุ่มนี้ จากราคาตราสารของประเทศนั้นๆ ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งการเลือกลงทุนในตราสารหนี้ของตลาดเกิดใหม่ของ บริษัทจะพิจารณาร่วมกับทีมบริหาร Emerging Market Debt ของกลุ่มไอเอ็นจี ในการคัดเลือกตราสาร การจัดพอร์ตการลงทุน รวมถึงการติดตามและปรับปรุงพอร์ตการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีกับกองทุน
นอกจากนี้กองทุนนี้มีการคุ้มครองความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยนอย่างน้อย 90% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ จึงทำให้นักลงทุนไม่ต้องกังวลในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน จึงทำให้สามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึง 14.52% นับจากต้นปี โดยในครั้งนี้สามารถจ่ายเงินปันผลได้ในอัตรา 0.638 บาทต่อหน่วย ซึ่งหากนับการจ่ายเงินปันผลในช่วงเดือนพฤษภาคม 2553 ที่ 0.1350 บาทต่อหน่วย ทำให้ในปีนี้สามารถจ่ายเงินปันผลให้กับลูกค้าได้ถึง 0.773 บาทต่อหน่วย