ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (2 ธ.ค.) โดยดัชนีทะยานขึ้นต่อเนื่องจากเมื่อวันพุธ หลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ที่พุ่งขึ้นเหนือความคาดหมายในเดือนต.ค. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะซบเซาในตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานยอดขายที่แข็งแกร่งของบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ในสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 106.63 จุด หรือ 0.95% ปิดที่ 11,362.41 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 15.46 จุด หรือ 1.28% ปิดที่ 1,221.53 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 29.92 จุด หรือ 1.17% ปิดที่ 2,579.35 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กและตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 8.43 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบมากในอัตราส่วน 2 ต่อ 1 ในตลาดนิวยอร์ก
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นขานรับรายงานของสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติที่ระบุว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 10.4% แตะที่ 89.3 จุด จากเดือนก.ย.ที่ระดับ 80.9 จุด สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลง 0.5%
ข้อมูลดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะซบเซาในตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐ โดยเฉพาะรายงานที่ระบุว่า ราคาบ้านใน 20 เขตเมืองของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงนิวยอร์ก ไมอามี และบอสตัน ร่วงลง 0.7% ในเดือนก.ย. สะท้อนให้เห็นว่าตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐยังคงได้รับผลกระทบจากอัตราว่างงานที่อยู่ในระดับสูงมาก
นอกจากนี้ ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่เพิ่มขึ้นอย่างเหนือความคาดหมายยังบ่งชี้ว่าผู้บริโภคยังคงซื้อบ้าน แม้ตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐถูกกดดันจากข่าวที่ว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายกำกับดูแลด้านการธนาคารใน 50 รัฐของสหรัฐเข้าตรวจสอบสถาบันการเงินหลายแห่งเพื่อหาหลักฐานเรื่องการดำเนินการยึดบ้านที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายก็ตาม
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้ปัจจัยบวกจากรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ระบว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ร่วงลงมาอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี แม้จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 26,000 ราย แตะระดับ 436,000 รายก็ตาม
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานยอดขายที่แข็งแกร่งของบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ผู้บริโภคออกไปจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นในช่วงวันขอบคุณพระเจ้าปีนี้ โดยบริษัท คอสท์โค โฮลเซล คอร์ป, ทาร์เก็ต คอร์ป และลิมิเต็ด แบรนด์ส อิงค์ ต่างรายงานยอดขายที่เพิมขึ้นโดยเฉลี่ย 6% ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของตลาดวอลล์สตรีท
หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้นหลังจากโกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป ระบุว่า ธนาคารพาณิชย์ของสหรัฐมีแนวโน้มแข็งแกร่งเพราะได้ปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ รวมทั้งราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้น และการที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่เอื้ออำนวยต่อการลงทุน
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในวันศุกร์ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนต.ค. และ ISM จะเปิดเผยดัชนีภาคบริการและดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจเดือนพ.ย. นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย. โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 140,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวอยู่ที่ 9.6%