นายประกิต บุณยัษฐิติ ผู้อำนวยการฝ่ายกำกับธุรกิจจัดการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต.ได้กำหนดแนวทางการอนุญาตให้นำหน่วย foreign ETF มาเสนอขายในประเทศไทย เพื่อเพิ่มสินค้าใหม่ๆให้ผู้ลงทุน ซึ่งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้มีการหารือกับ investment banker ประมาณ 3 ราย จากประเทศแถบเอเซีย เพื่อนำหน่วย foreign ETF มาเสนอขายในไทยแล้ว
ก่อนหน้านี้ได้อนุมัติให้มีการลงทุนผ่านกองทุนรวมอีทีเอฟไทยแล้ว และอยู่ระหว่างอนุมัติให้ foreign ETF เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้โดยตรง (direct listing) หรือเปิดเสนอขายในตลาดแรกในไทย (public offering) คาดว่าร่างประกาศหลักเกณฑ์การอนุญาตจะออกได้ภายใน ม.ค.54
อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนไทยยังไม่คุ้นเคยกับ ETF จึงเห็นควรอนุญาตเฉพาะ foreign ETF ที่มีลักษณะไม่ซับซ้อน และเป็นการจัดการในลักษณะ passive management เท่านั้นเพื่อให้สอดคล้องกับเกณฑ์ Thai ETF on foreign ETF และหน่วย foreign ETF โดยทั่วไปมี 2 ลักษณะ คือหุ้น ใบทรัสต์ ซึ่งถือเป็นหลักทรัพย์ ตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ แต่เนื่องจากหน่วยดังกล่าวมีลักษณะคล้ายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมมากกว่าหลักทรัพย์ คณะกรรมการ ก.ล.ต. จึงยกเว้นการปฎิบัติตามหมวด 3 สำหรับการเสนอขายหน่วยลงทุน
"เราเคยอนุญาตให้ บลจ.กรุงไทยออกกองทุนรวมอีทีเอฟไทยแล้ว แต่ direct listing และ public offering ได้ผ่านบอร์ด ก.ล.ต.แล้ว และอยู่ระหว่างเตรียมร่างประกาศ คาดว่าภายใน ม.ค.54 น่าจะออกมาได้...ขนาดของหน่วยที่จะเข้ามาขายน่าจะใหญ่พอสมควร เพราะถ้ามีขนาดเล็กจะไม่ได้รับความสนใจ" นายประกิต กล่าว
สำหรับประโยชน์ของกองทุน ETF จะกระจายการลงทุนโดยใช้เงินน้อย ซื้อขายเปลี่ยนมือได้สะดวก สามารถทำรายการในตลาดหลักทรัพย์ได้ มีข้อมูลที่โปร่งใส เพราะ บลจ.จะเปิดเผยรายละเอียดหลักทรัพย์ที่ลงทุนในพอร์ตเป็ประจำเพื่อประโยชน์ในการซื้อขายของผู้ลงทุนรายใหญ่