นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวภายหลังการหารือกับชมรม mai CEO ว่า กระทรวงการคลังรับข้อเสนอเกี่ยวกับมาตรการภาษีที่ บริษัทจดทะเบียนในตลาด mai เสนอ โดยมองว่าจะได้ประโยชน์ร่วมกับทั้งสองฝ่าย โดยบริษัทขนาดกลางและขนาดย่อมจะได้รับประโยชน์สิทธิภาษี เมื่อการยกระดับเข้าจดทะเบียนในตลาดฯ จะสร้างความเชื่อถือต่อนักลงทุนทำให้การระดมเงินมีต้นทุนที่ต่ำกว่าต้นทุนดอกเบี้ย และยังมีการจัดทำบัญชีที่โปร่งใส ดังนั้นเมื่อบริษัทมีผลกำไร จะทำให้เสียภาษีได้มากขึ้น
ทั้งนี้รัฐบาลพร้อมส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ SME เข้ามาจดทะเบียนในตลาด mai มากขึ้น เพื่อต้องการเพิ่มจำนวนบริษัทจดทะเบียนจากปัจจุบันมีเพียง 71 บริษัท ในขณะที่มีบริษัทดี ที่มีศักยภาพสูงกว่า 2,000 บริษัทที่จะชักจูงให้เข้ามาจดทะเบียนในตลาด mai ได้
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลพร้อมรับข้อเสนอและแนวคิดที่ ชมรม mai CEO เสนอเพื่อนำไปพิจารณาร่วมกับกรมสรรพากร สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โดยจะมีการตั้งคณะอนุกรรมการพัฒนาตลาดทุนเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายใน มี.ค.54 หากมีข้อสรุป จะทำให้บริษัทจดทะเบียนยื่นแบบชำระภาษีนิติบุคคลประจำปี 53 ได้ทันภายใน พ.ค.54
"เห็นด้วยที่รัฐจะส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเข้า mai ถือว่าเรามีผลประโยชน์ร่วมกัน หากเพิ่มจำนวนบริษัทใน mai ได้รัฐก็ได้ประโยชน์เพิ่มขึ้น เพราะปัจจุบันมีแค่ 71 บริษัท เทียบกับเอสเอ็มอีดีๆ ที่มีอยู่ 2,000 บริษัท ดังนั้นหากมีมาตรการร่วมกันชักจูงให้ 2,000 บริษัทเข้ามาได้ รัฐก็ได้ประโยชน์" นายกรณ์ กล่าว
อย่างไรก็ตามมีข้อสังเกตว่า การที่มีผู้ประกอบการ เอสเอ็มอี พร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาด mai โดยจะต้องมีการจัดทำบัญชีที่ถูกต้อง ดังนั้นจึงมอบหมายให้ กรมสรรพากร หามาตรการตรวจสอบเอสเอ็มอีที่มีศักยภาพ แต่ยังไม่เข้าจดทะเบียน ซึ่งส่วนหนึ่งอาจไม่ต้องการจัดทำบัญชีที่ถูกต้อง ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดการลักลั่นในการจัดเก็บภาษี
นายสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บมจ. อินเตอร์ลิงค์ คอมมิวนิเคชั่น (ILINK) ในฐานะประธานชมรม CEO mai กล่าวว่า ได้เสนอ รมว.คลังขอลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 30% เป็น 20% เป็นการถาวร ซึ่งข้อเสนอดังกล่าวจะมีข้อสรุปภายใน มี.ค.54