ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 19.68 จุด ขานรับดัชนีภาคบริการสหรัฐขยายตัว

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday December 4, 2010 06:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (3 ธ.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการเดือนพ.ย.ขยายตัวแข็งแกร่งสุดในรอบ 6 เดือน และจากการที่นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรป หลังจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ยืนยันว่าจะอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบธนาคารของยุโรป โดยปัจจัยบวกดังกล่าวสามารถพยุงตลาดให้ดีดตัวขึ้นปิดในแดนบวกได้ แม้ทางการสหรัฐเปิดเผยว่า อัตราว่างงานเดือนพ.ย.พุ่งขึ้นก็ตาม

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 19.68 จุด หรือ 0.17% แตะที่ 11,382.09 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดขยับขึ้น 3.18 จุด หรือ 0.26% แตะที่ 1,224.71 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดเพิ่มขึ้น 12.11 จุด หรือ 0.47% แตะที่ 2,591.46 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 907 ล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 2 ต่อ 1

ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้แรงหนุนจากรายงานของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ที่ระบุว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐในเดือนพ.ย.ขยายตัวสู่ระดับ 55.0 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสดในรอบ 6 เดือน และทำสถิติขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 11

นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเรื่องปัญหาหนี้ยุโรป หลังจากนายฌอง-คล้อด ทริเชต์ ประธานอีซีบียืนยันว่า อีซีบีจะขยายนโยบายผ่อนคลายทางการเงินพิเศษ ซึ่งรวมถึงการขยายระยะเวลาการจัดหาวงเงินกู้ฉุกเฉินในอัตราดอกเบี้ยต่ำให้กับธนาคารพาณิชย์ในยุโรปไปจนถึงไตรมาสแรกของปีหน้า พร้อมกับยืนยันว่าอีซีบีจะยังคงโครงการซื้อหลักทรัพย์ (SMP) เพื่อบรรเทาวิกฤตการณ์การเงินในยุโรป

ความเชื่อมั่นที่มีต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจของยุโรปและดัชนีภาคบริการที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในสหรัฐช่วยให้ตลาดสามารถต้านทานปัจจัยลบจากรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ระบุว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payrolls) เดือนพ.ย.เพิ่มขึ้นเพียง 39,000 ตำแหน่ง น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 140,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานเดือนพ.ย.พุ่งขึ้นแตะระดับ 9.8% มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 9.6%

ทั้งนี้ นับเป็นเดือนที่ 19 ติดต่อกันที่อัตราว่างงานของสหรัฐเคลื่อนไหวอยู่เหนือระดับ 9% ส่วนจำนวนคนที่ไม่มีงานทำในเดือนพ.ย.มีอยู่ทั้งสิ้น 15.1 ล้านคน มากกว่าเดือนต.ค.ที่ระดับ 14.8 ล้านคน

หุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มผู้ผลิตวัตถุดิบดีดตัวขึ้น เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโรช่วยหนุนราคาน้ำมันดิบและราคาโลหะในตลาดโลกปรับตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นนิวมอนท์ ไมนิ่ง ปิดพุ่ง 3.1% หุ้นชลัมเบอร์เกอร์ ปิดบวก 2.5%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ