ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (6 ธ.ค.) หลังจากเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แสดงความคิดเห็นในด้านลบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ และจากข่าวที่ว่าประธานาธิบดีบารัค โอบามา ยอมอ่อนข้อให้กับพรรครีพับลิกันด้วยการเตรียมขยายโครงการลดหย่อนภาษีซึ่งอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช เป็นผู้ริเริ่มไว้ อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบเพียงเล็กน้อยเพราะตลาดได้แรงหนุนจากรายงานของคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ที่ระบุว่า ดัชนีแนวโน้มการจ้างงานพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 19.90 จุด หรือ 0.17% แตะที่ 11,362.19 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 1.59 จุดหรือ 0.13% ปิดที่ 1,223.12 จุด แต่ดัชนี Nasdaq ขยับขึ้น 3.46 จุด หรือ 0.13% ปิดที่ 2,594.92 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กและตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 6.27 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 1,502 ต่อ 1,464 ในตลาดหุ้นนิวยอร์ก
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นักลงทุนวิตกกังวลเมื่อเบอร์นันเก้กล่าวกล่าวให้สัมภาษณ์กับรายการ "60 Minutes" ของสถานีโทรทัศน์ CBS ว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐยังคงเป็นไปอย่างล่าช้า และสหรัฐอาจต้องใช้เวลา 4-5 ปี กว่าที่อัตราว่างงานจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติมากกว่านี้ที่ราว 5-6%
นอกจากนี้ เบอร์นันเก้กล่าวว่า การใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง หรือ QE2 ด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลนั้น อาจมีมูลค่าสูงกว่า 6 แสนล้านดอลลาร์ตามที่ได้มีการประกาศไปเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งจะขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของโครงการ QE2 รวมถึงแนวโน้มเงินเฟ้อและเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม เบอร์นันเก้เชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจไม่น่าจะกลับเข้าสู่ภาวะถดถอยอีก เนื่องจากเศรษฐกิจในภาคส่วนต่างๆ อาทิ ภาคที่อยู่อาศัยไม่สามารถตกต่ำลงไปได้มากกว่านี้แล้ว ถึงกระนั้น การว่างงานที่อยู่ในระดับสูงเป็นเวลานานอาจทำลายความเชื่อมั่น และกลายเป็นความเสี่ยงสำคัญที่อาจทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงอีกครั้ง
นอกเหนือจากการแสดงความคิดเห็นของเบอร์นันเก้แล้ว ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงถูกกดดันจากรายงานที่ว่า ประธานาธิบดีโอบามา ยอมอ่อนข้อให้กับพรรครีพับลิกันด้วยการเตรียมขยายโครงการลดหย่อนภาษีซึ่งอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช เป็นผู้ริเริ่มไว้ รวมทั้งรายงานที่ว่าเยอรมนีได้ปฏิเสธเสียงเรียกร้องของบรรดารมว.คลังยูโรโซนที่จะเพิ่มขนาดของเครือข่ายประกันความปลอดภัยวงเงิน 7.50 แสนล้านยูโรสำหรับประเทศสมาชิกที่ประสบปัญหาหนี้สาธารณะ
อย่างไรก็ดี ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงเพียงเล็กน้อย ขณะที่ดัชนี Nasdas สามารถปิดในแดนบวกได้ เพราะตลาดได้แรงหนุนจากรายงานของคอนเฟอเรนซ์ บอร์ดที่ระบุว่า คอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเอกชนของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีแนวโน้มการจ้างงานเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 1.4% แตะระดับ 99 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี บ่งชี้ว่าตัวเลขการจ้างงานในสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัวขึ้นในปี 2554
การเปิดเผยดัชนีแนวโน้มการจ้างงานของคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด มีขึ้นหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payrolls) เดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 39,000 ตำแหน่ง และอัตราว่างงานเดือนพ.ย.พุ่งขึ้นแตะระดับ 9.8% มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 9.6%
หุ้นสปรินท์ เน็กซ์เทล ปิดพุ่ง 6.4% หุ้นแมสซีย์ เอนเนอร์จี ปิดบวก 2.4% และหุ้นบาร์นส์ แอนด์ โนเบิล ปิดพุ่ง 10.6%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันอังคาร ABC News จะเปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 5 ธ.ค. วันพุธ สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ และวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนต.ค.
ส่วนวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนพ.ย. ขณะที่กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนต.ค. และกระทรวงการคลังสหรัฐจะเปิดเผยงบประมาณของรัฐบาลกลางเดือนพ.ย.