โบรกฯแนะ"ซื้อ"PTTCH แม้มีข่าว SCCเล็งขายหุ้นในมือ มองกระทบราคาช่วงสั้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday December 8, 2010 09:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บทวิเคราะห์ บล.เกียรตินาคิน ระบุว่าประเด็นข่าวการขายหุ้น PTTCH ของ SCC คาดระดับราคาขายจะต่ำกว่าราคาซื้อขายอยู่ในปัจจุบัน โดยหาก SCC ขายจริงจะกระทบราคาหุ้น PTTCH เพียงช่วงสั้น ขณะที่ปัจจัยพื้นฐาน PTTCH ยังคงเดิม เรายังคงแนะนำ“ซื้อ"ด้วยราคาที่เหมาะสม 198 บาท

ทั้งนี้ กระแสข่าวการขายหุ้นดังกล่าวมีมาอย่างต่อเนื่องในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา กดดันราคาหุ้น PTTCH โดยเมื่อวานนี้ราคาหุ้นลดลง 4 บาท (-2.53%) ปิดที่ระดับ 154 บาท

ปัจจุบัน SCC ถือหุ้น PTTCH อยู่ประมาณ 327.04 ล้านหุ้น (คิดเป็น 21.69% ของหุ้น PTTCH ทั้งหมด) รวมทั้งถือผ่าน TPC จำนวน 3.94 ล้านหุ้น (ตามสัดส่วนการถือหุ้นของ SCC ใน TPC) รวมทั้งสิ้น 330.98 ล้านหุ้น โดย SCC รับรู้รายได้จาก PTTCH ในรูปของ Equity Method

เรามองว่าประเด็นการควบรวมกิจการระหว่าง PTTCH กับ PTTAR จะมีผลต่อการตัดสินใจในการขายหุ้นในครั้งนี้ เนื่องจากหากมีการควบรวมเกิดขึ้นในอนาคต คาดว่าจะทำให้ SCC ถูกลดสัดส่วนการถือหุ้นใน PTTCH จากระดับปัจจุบันที่ 22.05% (รวมส่วนที่ถือผ่าน TPC ตามสัดส่วนการถือหุ้น)จะเหลือเพียง 14.76% เท่านั้น จากสมมติฐานสัดส่วนการควบรวมกิจการ 1 หุ้น PTTCH แลกได้ 1.99 หุ้นบริษัทใหม่ และ 1 หุ้น PTTAR แลกได้ 0.498 หุ้นบริษัทใหม่ คิดการควบรวมแบบ Amalgamation

ด้านธุรกิจปิโตรเคมี SCC มีโครงสร้างกำไรจากธุรกิจปิโตรเคมีมากถึง 44% ของกำไรสุทธิ 9M10 ใกล้เคียงกับสัดส่วนกำไรจากธุรกิจปิโตรเคมีในช่วงเดียวกันของปีก่อน มาจากธุรกิจปิโตรเคมีในกลุ่มของ SCC ซึ่งส่วนมากเป็น Naphtha base ขณะที่ PTTCH เป็น Gas Base กว่า 90%

ด้าน Synergy ระหว่างกัน ปัจจุบัน PTTCH มีสัญญาขาย Propylene ให้กับ SCC โดยปัจจุบัน PTTCH มีกำลังการผลิต Propylene ประมาณ 500,000 ตัน คิดเป็น 18% ของกำลังการผลิต Upstream (Ethylene และ Propylene เท่านั้น) ทั้งหมด 2.8 ล้านตัน

หากประเด็นดังกล่าวเป็นจริง ระยะสั้นราคาหุ้น PTTCH จะอ่อนตัวเข้าใกล้ระดับราคาขายหุ้นของ SCC ซึ่งเราคาดว่าจะอยู่ที่ 140—145 บาท ต่ำกว่าราคาปิดเมื่อวานนี้ประมาณ 6%-10% ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานยังคงเดิม โดยเรามองว่าแม้การขายจะเป็นจริงก็จะไม่กระทบราคาที่เหมาะสมของ PTTCH ที่เราประเมิน

มุมมองต่อผลประกอบการยังคงเป็นเช่นเดิม โดยเราเชื่อว่าการฟื้นตัวของส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ และอัตราการใช้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น หลังโรงแยกก๊าซฯ แห่งที่ 6 ของ PTT เริ่มเดินเครื่อง จะเป็นปัจจัยหนุนกำไรไตรมาสสุดท้ายของปี 2553 ขณะที่ในปี 2554 เราคาดว่าส่วนต่างราคา HDPE จะอ่อนตัวลง 10% แต่ถูกชดเชยด้วยกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นกว่า 36% ทำให้เราคาว่ากำไรในปี 2554 จะไม่น้อยกว่า 19,333 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 82%yoy


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ