เครือซีพี พุ่งเป้าลงทุนเวียดนาม-จีน-อินเดีย,ทุ่ม 1.5 หมื่นลบ.ทำคอมเพล็กซ์ในเซี่ยงไฮ้

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday December 8, 2010 10:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสารสิน วีระผล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์(เครือซีพี) เปิดเผยว่า เครือซีพียังเน้นการลงทุนในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจีน เวียดนาม และอินเดียเนื่องจากทั้ง 3 ประเทศนี้มีประชากรรวมกันมากกว่า 2,000 ล้านคน และมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดี

ดังนั้น แม้ว่าเศรษฐกิจโลกในปี 2554 จะชะลอตัวแต่เชื่อมั่นว่าธุรกิจของเครือซีพีจะยังเติบโตได้ดี ทั้งนี้เพราะมีธุรกิจหลักด้านเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร ที่มุ่งเน้นไปสู่การผลิตอาหารสำเร็จรูปที่มีคุณภาพและมีแบรนด์เป็นของตัวเอง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต จึงมีโอกาสอีกมากในการขยายธุรกิจในปีหน้า

นอกจากนี้ เครือซีพีจะรุกเข้าสู่ธุรกิจผลิตและจำหน่ายผักปลอดภัยในประเทศจีนบนพื้นที่ 8,000 ไร่ที่เมืองฉือซี ใกล้กับนครเซี่ยงไฮ้ โดยจะนำเทคโนโลยีและการจัดการทันสมัยที่สุดในโลกตั้งแต่ก่อนการเพาะปลูกจนถึงหลังเก็บเกี่ยวมาใช้เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ รองรับตลาดบริโภคผักปลอดภัยที่มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายระดับบนกว่า 100 ล้านคนรอบนครเซี่ยงไฮ้

ด้านนายธนากร เสรีบุรี ประธานกรรมการ และประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มธุรกิจยานยนต์และอุตสาหกรรม(จีน) เครือซีพี เปิดเผยว่า ในปีหน้าเครือซีพีในจีนจะร่วมมือกับรัฐบาลเมืองลั่วหยาง พัฒนาโครงการ Zhengda International City Plaza Civic Center (Luoyang) เป็นซุปเปอร์คอมเพล็กซ์บนเนื้อที่ประมาณ 115 ไร่ใจกลางเมืองลั่วหยาง โดยใช้เงินลงทุนกว่า 15,000 ล้านบาท

ที่ดินดังกล่าวจะนำมาใช้เป็นพื้นที่สำหรับสิ่งปลูกสร้าง 900,000 ตารางเมตร ประกอบด้วย อาคารสูง 60 ชั้นจำนวน 2 อาคาร และอาคารสูง 40 ชั้น 2 อาคาร ซึ่งจะมีทั้งคอนโดมิเนียมพักอาศัย อาคารสำนักงาน และโรงแรม ศูนย์ราชการ ศูนย์การค้าซุปเปอร์แบรนด์มอลล์ซึ่งจะมีที่จอดรถไม่ต่ำกว่า 6,000 คัน แบ่งการก่อสร้างออกเป็น 2 เฟส และจะสร้างเสร็จสมบูรณ์ทั้งโครงการภายใน 6 ปี

นอกจากนี้ในส่วนของธุรกิจค้าปลีก มีแผนที่จะพัฒนาโครงการศูนย์การค้าซุปเปอร์แบรนด์มอลล์จากที่มีอยู่ปัจจุบันที่นครเซี่ยงไฮ้ ไปยังเมืองใหญ่ของจีนอีกหลายแห่ง อาทิ ลั่วหยางซึ่งอยู่ระหว่างก่อสร้าง และคาดว่าในปี 2554 จะนำบริษัท เซี่ยงไฮ้ คิงฮิลล์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโครงการซุปเปอร์แบรนด์มอลล์เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่ในนครเซี่ยงไฮ้ ส่วนกิจการโลตัสซุปเปอร์เซ็นเตอร์ปัจจุบันมีสาขากระจายอยู่ตามเมืองต่าง ๆ ในจีนประมาณ 70 สาขา

ส่วนธุรกิจยานยนต์ซึ่งผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ยี่ห้อต้าหยางและต้ายุ่นนั้นในปี 2553 มียอดผลิตและจำหน่ายรวม 1.6 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 12% และธุรกิจด้านการเป็นผู้แทนจำหน่ายเครื่องจักรและเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ของCaterpillar ใน 9 มณฑลในภาคตะวันตกยังขยายตัวได้ดี เพราะธุรกิจเหมืองแร่ต่าง ๆ และแผนการลงทุนด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานขยายตัวตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีน โดยมียอดขายในปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นมากกว่า 30%

สำหรับธุรกิจการเงินและการธนาคารล่าสุดได้รับอนุมัติจากธนาคารชาติของจีนให้ดำเนินธุรกิจธนาคารภายใต้ชื่อ “Zhengxin Bank"ที่นครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งจะเป็นธนาคารสำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กในจีนในด้านการเกษตรมุ่งเน้นไปที่การดำเนินโครงการหมู่บ้านเกษตรกรรมทันสมัย สนองตอบนโยบายการพัฒนาภาคเกษตรและปฏิรูปภาคชนบทของจีน

ด้านนายสุขสันต์ เจียมใจสว่างฤกษ์ รองกรรมการผู้จัดการบริหาร กลุ่มธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร เขตประเทศเวียดนาม เครือซีพี กล่าวว่า เครือซีพีเข้าไปลงทุนในเวียดนามมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2535 โดยมีการลงทุนหลักในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร ครอบคลุมทั้งธุรกิจสัตว์บก สัตว์น้ำอย่างครบวงจรตั้งแต่ธุรกิจผลิตอาหารสัตว์ ปศุสัตว์ และแปรรูปอาหาร รวมถึงมีช่องทางการจำหน่าย ทั้งนี้คาดว่าผลการดำเนินงานในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ประมาณการไว้คือมีการเติบโตราว 20%

นายจรูญพันธ์ เจนศาสตรา รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านสนับสนุนธุรกิจอาหารสัตว์น้ำต่างประเทศ(อินเดีย) บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร(CPF)เปิดเผยว่า เครือซีพีเป็นนักธุรกิจไทยกลุ่มแรก ๆ ที่เข้าไปบุกตลาดอินเดีย โดยในปี 2535 ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลอินเดียให้ก่อสร้างโรงงานผลิตอาหารกุ้งที่เมืองเชนไน(Chennai) ต่อมาในปี 2541 เข้าสู่ธุรกิจผลิตอาหารสัตว์บกด้วยการสร้างโรงงานผลิตอาหารสัตว์บกที่เมืองเชนไน

และในปี 2544-2545 ได้เช่าที่ดินสร้างโรงงาน ผลิตและขายอาหารสัตว์บกที่เมืองบังกาลอร์ (Bangalore) ในปี 2547-2548 สร้างโรงงาน ผลิตและขายอาหารสัตว์บกที่เมืองวีเจยาวาด้า(Vijayawada) และในช่วงกลางปี 2548 ได้ขยายสายการผลิตของโรงงานที่เมืองวายแซก(Vizag)เพื่อผลิตและจำหน่ายอาหารกุ้งด้วย

ในปีนี้ได้มีการสร้างโรงงานผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์บกที่เมืองเวลลอร์(Vellore) และเมืองปูเน่(Pune) และในปี 2554 มีแผนสร้างโรงงานผลิตอาหารปลาอีก 3 แห่งด้วยเงินลงทุน 1,500 ล้านบาทที่เมืองวีเจยาวาด้า(Vijayawada)เพราะอินเดียเป็นตลาดปลาที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก จนถึงปัจจุบันมีการขยายการลงทุนครอบคลุมทั้งธุรกิจสัตว์บก และธุรกิจสัตว์น้ำ โดยมียอดขายต่อปีประมาณ15,200 ล้านบาท และคาดว่าในปี 2554 ธุรกิจของเครือซีพีในอินเดียจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ