นายธรรมรัตน์ โชควัฒนา กรรมการผู้ช่วยผู้อำนวย บมจ.ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล(ICC)ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่นในเครือสหพัฒน์ เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์" บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมในปี 54 เติบโตเป็นตัวเลข 2 digit ขึ้นไป จากปีนี้ที่คาดว่ารายได้จะเติบโตตามเป้า 10-15%
สำหรับปัจจัยที่จะสนับสนุนการขายในปีหน้ามาจากปัจจัยภายในประเทศอย่างเดียว โดยเฉพาะหากการเมืองสงบ การเติบโตก็น่าจะทำได้ตามที่คาดไว้ ในแง่ของบริษัทต้องเตรียมพร้อมในการออกสินค้าและหาช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ เพื่อทำให้ยอดขายเติบโตขึ้น โดยมองว่าเศรษฐกิจโดยรวมยังไม่ได้มีความหวือหวา แต่อยู่ในทิศทางที่น่าจะดีขึ้นหากไม่มีเหตุการณ์รุนแรง
"ปี 54 ถ้าไม่เกิดอุทกภัย ภัยธรรมชาติหรือเหตุการณ์ประท้วงรุนแรงก็น่าจะอยู่ในทิศทางที่ดีขึ้นแต่ไม่หวือหวา ปัจจัยเสี่ยงตอนนี้ดูแล้วไม่แตกต่างจากปีนี้ อยู่ที่ว่าจะทำอะไรรุนแรงกันหรือเปล่า ไม่รู้จะเคลื่อนไหวหรือเปล่า"นายธรรมรัตน์ กล่าว
ทั้งนี้ การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในปีหน้าอยู่ระหว่างศึกษา คาดว่าคงมีเพิ่มเติม โดยยอดขายที่จะเติบโตขึ้นส่วนใหญ่ก็จะแตกไลน์ผลิตภัณฑ์ออกมาจากสินค้าเดิมของบริษัท นอกจากเสื้อผ้าเครื่องสำอาง ขณะที่สินค้าเดิมยอดขายก็เติบโต ปัจจุบันสินค้าของ ICC ที่ขายได้ในอันดับต้นๆ ได้แก่ ชุดชั้นในวาโก้,เสื้อผ้าลาครอส, แอร์โรว์ และผลิตภัณฑ์บีเอสซี
ด้านงบลงทุนปีหน้ายังไม่มีข้อสรุปในขณะนี้ เพราะต้องแบ่งส่วนการลงทุนในแต่ละด้าน ขึ้นอยู่กับเจ้าของแบรนด์ว่าจะปรับไปในทิศทางใด ทั้งการตลาด ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ โฆษณาประชาสัมพันธ์ จุดจำหน่ายสินค้า ส่วนการเพิ่มช่องทางการขายสินค้านั้นส่วนใหญ่การเปิดจะอิงกับการขยายตัวของห้างสรรพสินค้า โดยปัจจุบันมีจุดจำหน่ายสินค้า(เคาน์เตอร์)4,000 จุดทั่วประเทศ
"ไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะเพิ่มกี่สาขา แต่ช่องทางการขายหลักๆ ของเราก็ยังเป็นไปตามการขยายตัวของดีพาร์ทเม้นท์สโตร์เพราะเราเข้าทุกห้าง ถ้าดีพาร์ทเม้นสโตร์ขยายตัวเยอะเราก็ขยายเยอะ งบลงทุนหลักๆ ก็จะเป็นการปรับปรุงคอนเนอร์แต่ก็ไม่ใช่ปรับปรุงทั้งหมด ขึ้นอยู่กับแต่ละแบรนด์จะตั้งงบฯเท่าไร"นายธรรมรัตน์ กล่าว
*รายได้ปีนี้โต 10-15% กำไรใกล้เคียงปีก่อน หลังเจอผลกระทบชุมนุม-น้ำท่วม
นายธรรมรัตน์ กล่าวอีกว่า ผลประกอบการในปีนี้มีแนวโน้มที่ดี จากต้นปีจนถึงขณะนี้รายได้เติบโตขึ้นมาเกือบ 10% แล้ว ขณะที่บริษัทวางเป้ายอดขายปีนี้ไว้ 1.2-1.3 หมื่นล้านบาท เติบโต 10-15%
9 เดือนที่ผ่านมามีทั้งเดือนที่ดีและไม่ดี เนื่องจากในแต่ละเดือนมีเหตุการณ์ที่มากระทบไม่เหมือนกัน อย่างเดือน ต.ค.เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมก็มีผลกระทบค่อนข้างหนัก ซึ่งแม้ว่าไม่ได้ปิดการจำหน่าย แต่มีช่วงพนักงานหยุดการขาย แต่ถือว่าโชคดีที่น้ำท่วมรอบนี้ไม่ได้กินเวลานาน และช่วงไตรมาส 2/53 ก็มีการชุมนุมทางการเมือง
ในด้านผลกำไรปีนี้อาจจะทำได้ใกล้เคียงกับปีก่อนหรือไม่ดีกว่ามากนัก เพราะบริษัทได้ลงทุนไปหลายอย่างในปีนี้ที่จะส่งผลดีในปีหน้า โดยจะทำให้กำไรในปี 54 ต้องดีกว่าปีนี้ เพราะการลงทุนส่วนใหญ่อยู่ในปีนี้ที่โดยรวมการลงทุนในทุกด้านปีนี้เพิ่มขึ้นจากปี 52 หลาย 10% หรือหลายร้อยล้านบาท
อนึ่ง ปี 52 กำไรสุทธิ 652.29 ล้านบาท
นายธรรมรัตน์ กล่าวว่า รายได้และกำไรในช่วงไตรมาส 4/53 น่าจะดีกว่าไตรมาส 3/53 เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่น โดยธรรมชาติของการขายดีกว่าไตรมาสอื่น ๆ เป็นปกติอยู่แล้ว หากไม่มีเหตุการณ์อะไรเข้ามากระทบ กำลังซื้อของผู้บริโภคก็น่าจะเพิ่มขึ้น
ส่วนการแข็งค่าของเงินบาทไม่ได้กระทบโดยตรงต่อ ICC แต่อาจจะมีผลในส่วนของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในไทยแล้วแพงขึ้นอาจจะไม่มา หรือการซื้อของที่แพงขึ้น ก็อาจจะซื้อน้อยลง แต่โดยรวมถือว่ามีผลกระทบไม่มากนัก เพราะบริษัทไม่ได้เน้นส่งออกสินค้า เพราะส่วนใหญ่ขายในประเทศ
*เล็งขยายสาขาธุรกิจร้านสุขภาพ-ความงาม 3-5 แห่งปีหน้า
ด้านธุรกิจศูนย์รวมสินค้าสุขภาพและความงามแบบองค์รวม(Balance Holistic Health & Beauty Shop) ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ของ ICC ที่เพิ่งเปิดสาขาแรกที่บางนาในปีนี้ ภายใต้งบลงทุนราว 25 ล้านบาทนั้น คาดว่าในปีนี้จะทำรายได้เกือบ 10 ล้านบาท และปีหน้าจะรับรู้รายได้เข้ามาเต็มที่ทั้งปีประมาณ 12-15 ล้านบาท
นายธรรมรัตน์ กล่าวว่า ในปี 54 บริษัทคาดว่าจะเปิดสาขาเพิ่มอีก 3-5 สาขา ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด อย่างไรก็ตาม รายได้จากธุรกิจนี้ที่เข้ามาถือว่ายังไม่มากเมื่อเทียบกับรายได้รวม
"ธุรกืจนี้จะดีขึ้นเรื่อยๆ ปีหน้าจะเปิดเพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 3 หรือ 5 สาขา กำลังคุยว่าจะทำเองหรือเปล่าหรืออาจจะร่วมกับคนอื่น เน้นสุขภาพเป็นหลัก งบลงทุนยังไม่ได้สรุป เพราะงบฯในการเปิดในแต่ละสาขาก็ต้องมาดูว่าจะเปิดในสเกลไหน เพราะสเกลแต่ละที่ก็ไม่เหมือนกัน"นายธรรมรัตน์ กล่าว