บมจ.เจมาร์ท(JMART)ฮึดตั้งเป้า 6 พันล้านบาทอีกครั้งในปี 54 หลังจากที่ทำพลาดเป้าดังกล่าวในปีนี้ที่เคยคาดว่าจะเติบโตราว 40% จากปี 52 แต่ถึงสิ้นปีนี้คงจะทำได้เพียง 5.5-5.6 พันล้านบาท โดยวางแผนทุ่มทุนกว่า 30-40 ล้านบาทปรับปรุงสาขาเดิมทั้ง 210 แห่งให้มีความทันสมัยดึงดูดใจวัยรุ่น พร้อมทั้งเตรียมเงินลงทุนกว่า 70-80 ล้านบาท เปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก 70 แห่ง
นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JMART กล่าวว่า รายได้ของบริษัทมาจากธุรกิจหลักคือการจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ และธุรกิจบริหารหนี้ของบริษัท เจ เอ็มที เน็ตเวิร์ค เซอร์วิส (JMT) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ รวมทั้งการเช่าพื้นที่ของไอทีจังค์ชั่นที่ปัจจุบันมี 29 แห่ง และอยู่ระหว่างการหาพื้นที่เพิ่มเติม
นอกจากนั้น บริษัทยังมีแผนจะขยาย JMART Shop จากปัจจุบันที่มี 210 แห่ง โดยจะมีการปรับปรุงพื้นที่ ปรับภาพลักษณ์และสัญลักษณ์ให้มีความทันสมัย เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีอายุน้อยลงจาก 25 ปี เป็น 18 ปี โดยบริษัทวางงบลงทุนราว 30-40 ล้านบาท พร้อมทั้งจะมีการขยายสาขาใหม่ 70 สาขา ตั้งงบลงทุนราว 70-80 ล้านบาท
"แผนปรับปรุงสาขาเดิม 210 แห่งคงต้องเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ปีนี้คงใช้เงินแค่ 15 ล้านบาทปรับปรุงสาขาใหญ่ในพื้นที่สำคัญ อาทิ ที่เอ็มโพเรียม พารากอน และเซ็นทรัลเวิลด์ แต่กว่าที่เราจะปรับปรุงพื้นที่หมดก็คงจะใช้เวลาประมาณ 1 ปีถึง 1 ปีครึ่ง" นายอดิศักดิ์ กล่าว
สำหรับตลาดโทรศัพท์มือถือในปีหน้า คาดว่าสินค้าเฮ้าส์แบรนด์น่าจะยังอยู่ได้ แต่คงต้องมีระดับราคาที่ 1.9-2.9 พันบาท/เครื่อง แลมองว่าสมาร์ทโฟนและแอนดรอยด์น่าจะมีอัตราเติบโตได้มาก ซึ่งจากการที่ JMART มีโทรศัพท์มือถือวางจำหน่ายครบทุกแบรนด์ก็เชื่อว่าจะทำให้มีการบริการลูกค้าที่ครอบคลุมเพิ่มขึ้น
บริษัทมองว่ามูลค่าตลาดรวมจะประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งบริษัทคาดว่าจะมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 14% และบริษัทคาดว่าในปี 54 จะมีการทำโปรโมชั่นที่มีความหลากหลายมากขึ้น และมีการทำการตลาดผ่านสื่อต่าง ๆ คาดว่าจะใช้เงินราว 70-80 ล้านบาท
นายอดิศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทได้ยกเลิกแผนที่จะนำ JMT เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แต่จะใช้ JMART เป็นผู้สนับสนุนทางธุรกิจ เชื่อว่า JMT ในปีหน้าจะเติบโตได้ถึง 100% ในแง่ของกำไรสุทธิที่คาดว่าปีนี้จะทำได้ 40 ล้านบาท โดยจะมีการซื้อหนี้เข้ามาบริหารอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาซื้อหนี้หลักหมื่นล้านบาทเข้ามาบริหาร คาดว่าจะเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติในช่วงปลายปีนี้