ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 18.24 จุด รับข่าวควบกิจการ-ข้อมูลศก.จีนสดใส

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday December 14, 2010 06:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (13 ธ.ค.) ขานรับข่าวควบรวมกิจการในภาคเอกชนและข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของจีน นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า วุฒิสภาสหรัฐจะอนุมัตการขยายโครงการลดหย่อนภาษี ซึ่งมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นการใช้จ่ายผู้บริโภคและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 18.24 จุด หรือ 0.16% แตะที่ 11,428.56 จุด ดัชนี S&P 500 ขยับขึ้น 0.06 จุด หรือ 0.00% ปิดที่ 1,240.46 จุด แต่ดัชนี Nasdaq ลดลง 12.63 จุด หรือ 0.48% ปิดที่ 2,624.91 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กและตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 7.32 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 8 ต่อ 7 ในตลาดหุ้นนิวยอร์ก

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากข่าวการควบรวมกิจการในภาคเอกชน รวมถึงข่าวที่ว่าบริษัทเจนเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) จะเข้าซื้อกิจการ เวลล์สตรีม โฮลดิ้งส์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการบ่อน้ำมันของอังกฤษ มูลค่า 800 ล้านปอนด์ เพื่อขยายพอร์ทธุรกิจการจัดหาเครื่องมือสำหรับอุตสาหกรรมทางทะเล และข่าวที่ว่าบริษัทเดลล์ อิงค์ จะเข้าซื้อกิจการคอมเพลเลนท์ เทคโนโลจีส์ อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการจัดเก็บข้อมูล

นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของจีน รวมถึงผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย.ที่พุ่งขึ้น 13.3% อัตราการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ พุ่งขึ้น 24.9% แตะระดับ 21.07 ล้านล้านหยวน (3.19 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) และยอดค้าปลีกเดือนพ.ย.ของจีนทะยานขึ้น 18.7% แตะระดับ 1.39 ล้านล้านหยวน (2.081 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ)

อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงและฉุดดัชนี Nasdaq ปิดอ่อนตัวลงด้วย โดยหุ้นอินเทล คอร์ป ปิดร่วง 1.87% หลังจากโกลด์แมน แซคส์ แนะนำให้นักลงทุนเทขายหุ้นอินเทล และหุ้นไอบีเอ็มปิดลบ 0.37% หลังจากโกลด์แมน แซคส์ ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นไอบีเอ็มลงสู่ระดับ "neutral"

นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลว่าธนาคารกลางจีนอาจจะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ หลังจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย.ของจีนพุ่งขึ้น 5.1% ทำสถิติพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 28 เดือน ซึ่งการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน อย่างไรก็ตาม ในการประชุมเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ธนาคารกลางจีนหลีกเลี่ยงการขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามการคาดการณ์ของตลาด ด้วยการเพิ่มเพดานกันสำรองสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์อีก 0.5% เพื่อควบคุมผลกระทบที่เกิดจากการปล่อยเงินกู้ที่เพิ่มขึ้นจำนวนมาก

หุ้นกลุ่มพลังงานทะยานขึ้นตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) มีมติคงเพดานการผลิตน้ำมันไว้ที่ 24.845 บาร์เรล/วัน พร้อมกับเพิ่มคาดการณ์ความต้องการน้ำมันทั่วโลกในปีนี้อีก 200,000 บาร์เรล/วัน เป็น 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยหุ้นเชฟรอน คอร์ป ปิดพุ่ง 1.54% หุ้นยูไนเต็ด สเตทส์ สตีล คอร์ป ปิดบวก 1.06%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า วุฒิสภาสหรัฐจะอนุมัตการขยายโครงการลดหย่อนภาษี หลังจากประธานาธิบดีบารัค โอบามา และแกนนำพรรครีพับลิกันมีมติให้ขยายโครงการลดหย่อนภาษีของผู้มีรายได้ทุกระดับชั้นออกไปอีก 2 ปี พร้อมกับขยายระยะเวลาการให้สวัสดิการแก่ประชาชนที่ว่างงานหลายล้านคนออกไปอีก 13 เดือน

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันอังคารทางการสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย. ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย. ตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนต.ค. และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะประกาศมติการประชุมนโยบายการเงิน วันพุธ กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย. เฟดสาขานิวยอร์กจะเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) เดือนธ.ค. สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติสหรัฐ (NAHB) จะเปิดเผยดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนธ.ค.

วันพฤหัสบดี กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยข้อมูลดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 3 และข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ย. และกระทรวงแรงงานจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ส่วนวันศุกร์ สำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ดจะเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนพ.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ