(เพิ่มเติม) BGH คาดกำไร-รายได้ปี 54โตสูงกว่าเป้าเดิมที่วางไว้ 10%หลังรวม PYT-เปาโล

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday December 15, 2010 14:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ(BGH)คาดว่ารายได้และกำไรในปี 54 จะเติบโตได้สูงกว่าเป้าหมายเดิมที่วางไว้ในระดับ 10% หลังจากบริษัทได้เข้าควบรวมเครือ รพ.พญาไทและเครือ รพ.เปาโล แล้ว

ส่วนผลประกอบการปี 53 คาดว่ากำไรจะเติบโตได้มากกว่า 20% ขณะที่รายได้เติบโต 9-10%

นางนฤมล น้อยอ่ำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน BGH คาดว่า หลังบริษัทรวมกิจการกับทางบริษัท เฮลท์ เน็ตเวิร์ค จำกัด(มหาชน) แล้วจะทำให้กลุ่มโรงพยาบาล สามารถขยายฐานคนไข้ไปสู่ระดับล่างมากขึ้น เช่น ประกันสังคม จับภาพตลาดรวมได้กว้างขึ้น เนื่องจากกลุ่ม รพ.เปาโลและ รพ.พญาไท มีฐานลูกค้าระดับล่าง ขณะที่ลูกค้าของ BGH ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าระดับบน

นอกจากนี้ หลังจากควบรวมแล้วจะทำให้มูลค่าตลาด(มาร์เก็ตแคป)ของบริษัทเพิ่มขึ้นมาเป็น 1,946 ล้านเหรียญ จากปัจจุบัน 1,563 ล้านเหรียญ สูงขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ในกลุ่มโรงพยาบาลภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ขณะที่อัตราหนี้สินต่อทุน(D/E)จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยป็น 0.7 เท่า จากปัจจุบันอยู่ที่ 0.6 เท่า

สำหรับในปี 54 บริษัทจะมีแผนขยายลงทุน โดยเน้นในประเทศเป็นหลัก ส่วนโอกาสการลงทุนต่างประเทศกำลังพิจารณาอยู่ โดยเบื้องต้นมองว่ามีโอกาสเข้าบริหารกิจการโรงพยาบาลในเมืองอะบูดาบี

*ผงาดเป็นผู้นำโรงพยาบาลเอกชนระดับภูมิภาค

ด้าน นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ BGH กล่าวว่า การรวมกิจการครั้งนี้จะทำให้สินทรัพย์ รายได้ กำไรของ BGH เติบโตมากกว่า 40% โดยมีสินทรัพย์รวมประมาณ 4.5 หมื่นล้านบาท มีจำนวนโรงพยาบาล 27 แห่ง ซึ่งเป็นโรงพยาบาลในกลุ่ม BGH 19 แห่ง , โรงพยาบาลพญาไท 4 แห่ง และ โรงพยาบาลเปาโล 4 แห่ง จำนวนเตียงจดทะเบียนรวม 4,639 เตียง และปัจจุบันได้ให้การดูแลคนไข้นอกประมาณ 2 หมื่นคน/วัน

ส่วนรายได้รวมกันเป็น 3.4 หมื่นล้านบาท และ กำไรรวมกัน เป็น 3.2 พันล้านบาท โดยมีสัดส่วนรายได้จากคนไข้ในประเทศ 60% และคนไข้ต่างประเทศ 40%

"การร่วมกิจการครั้งนี้ตอกย้ำความเป็นผู้นำในธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนของเราให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ...เราคาดหวังว่าความเป็นผู้นำในธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนในประเทศไทยจะทำให้เราสามารถมีศักยภาพที่สูงขึ้นในระดับภูมิภาค" นพ.ปราเสริฐ กล่าว

นพ.ปราเสริฐ กล่าวว่า ยังมองหาโอกาสที่จะเข้าซื้อกิจการโรงพยาบาลอื่นอีก เพราะดูจากธุรกิจโรงพบยาบาลในออสเตรเลียการควบรวมกิจการหลายโรงพยาบาลทำให้มีการเติบโตรวดเร็ว นอกจากนี้ยังสามารถใช้ประโยชน์ร่วมกัน (synergy) ทั้งเครื่องมือการแพทย์ และบุคคลาการทางการแพทย์

ทั้งนี้ เห็นว่าทิศทางธุรกิจการแพทย์ของไทยสามารถยกระดับเป็น Medical Hub ได้ และต้องการให้รัฐบาลสนับสนุนเรื่องนี้ เพราะไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ได้เป็นอย่างดีทั้งภูมิศาสตร์ และ จำนวนบุคคลากรทางการเพทย์ที่ได้รับการยอมรับ

ด้านนายวิชัย ทองแตง ประธานกรรมการ บริษัท เฮลท์ เน็ตเวิร์ค จำกัด (มหาชน) และ ประธานกรรมการ บมจ.ประสิทธิพัฒนา(PYT) กล่าวว่า การตัดสินใจร่วมกิจการกับ BGH เพราะเห็นว่าจะช่วยทำให้สามารถพัฒนาขีดความสามารถในการดูแลคนไข้ และสร้างความเข้มแบ็งต่การแข่งขันในระดับภูมิภาคในอนาคต

โดยหลังการรวมกิจการ นายวิชัย คาดว่จะเข้าถือหุ้นใน BGH ประมาณ 15% และเข้ามาเป็นกรรมการด้วย

ส่วนบุคคลากรแต่ละโรงพยาบาลจะยังคงบริหารโดยทีมงานผู้บริหาร และบังคงดำเนินกลยบุทธ์เหมือนเดิม จนกว่าจะมีการร่วมกิจการเสร็จสิ้นจึงจะมีการหารือกันอีกครั้งในภายหลัง

นายบรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการ บล.ภัทร (PHATRA) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินในการร่วมกิจการ คาดว่า การร่วมกิจการครั้งนี้จะทำรายการเสร็จภายในไตรมาส 2/54 โดยจะมีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของ BGH ในวันที่ 24 ก.พ.54 เพื่อขอมติเห็นชอบการร่วมกิจการกับบริษัท เฮลท์ เน็ตเวิรค์ จำกัด(มหาชน) รวมถึงการทำคำเสนอซื้อหุ้นที่เหลือของ PYT จากผู้ถือหุ้นรายย่อย

ทั้งนี้ BGH จะออกหุ้นเพิ่มทุนทั้งหมดจำนวนไมเกิน 307,197,070 หุ้น จากปัจจุบัน 1,246,035,935 หุ้น โดยหากมีการใข้หุ้นทั้งหมดในการทำรายการโอนกิจการ เฮลท์ เน็ตเวิร์ค และคำเสนอซื้อของ PYT จะทำให้เกิด Dilution ต่อผู้ถือหุ้นในปัจจุบันของ BGH ไม่เกินร้อยละ 19.8


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ