นายวิฑูร นิรันตราย รองประธานกรรมการ บมจ.สยามอินเตอร์มัลติมีเดีย(SMM)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปี 54 เติบโต 10% จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีรายได้ราว 600 ล้านบาท เติบโต 10% จากปี 52 เนื่องจากธุรกิจสิ่งพิมพ์ยังขยายตัวดีต่อเนื่อง ขณะที่ปีหน้าจะเริ่มรับรู้รายได้จากทีวีดาวเทียมช่อง SMM TV Job&Variety เข้ามาเต็มที่ หลังจากเพิ่งเปิดตัวไปเมื่อ ต.ค.53 โดยน่าจะเริ่มมีโฆษณาเข้ามา
สำหรับธุรกิจสิ่งพิมพ์ในแต่ละปีจะมีหนังสือการ์ตูนเพิ่มมากขึ้น ทั้งจากเกาหลี ญี่ปุ่น และจีน ปัจจุบัน มียอดผลิตหลายแสนเล่มต่อเดือน และมีเรื่องใหม่ๆ ที่บริษัทซื้อลิขสิทธิล่วงหน้าไว้แล้วมากกว่า 100 เรื่อง ส่วนใหญ่เป็นการ์ตูนจากญี่ปุ่นที่เจาะกลุ่มผู้อ่านชาย รวมกับเรื่องที่วางจำหน่ายอยู่ในขณะนี้และยังไม่จบอีกหลายเรื่อง ล้วนแต่เป็นเรื่องที่ติดท็อปฮิตของญี่ปุ่นทั้งสิ้น เช่น Reborn One Piece เป็นต้น "ปีหน้ายังมีลิขสิทธิ์หนังสือการ์ตูนเป็น 100 เรื่องจะทยอยออกไปเรื่อยๆและยังมีเรื่องเก่าที่ยังไม่จบอีก ทิศทางหนังสือน่าจะดีเพราะเราทำพ็อคเก็ตบุ๊ก การ์ตูน มีแนวโน้มที่ดีขึ้น เพราะการ์ตูนคนจะซื้อยกเซ็ตบางเรื่อง 40 กว่าเล่มจบ และมีช่องทีวีที่อาจจะต้องเพิ่ม และการทำแมกกาซีน e-Book"นายวิฑูร กล่าว
บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาธุรกิจ e-book โดยอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อลิขสิทธิ์ e-Book ทั้งในและต่างประเทศ แต่ยังไม่ลงตัว เนื่องจากยังไม่สามารถให้คำตอบที่ชัดเจนกับต่างประเทศถึงระบบการตรวจสอบการทรานสเฟอร์ e-book ได้ เช่นหากมีผู้ดาวน์โหลด e-book ไปจะต้องไม่สามารถส่งต่อไปยังบุคคลอื่น เพราะทั้งคนไทยด้วยกันก็ยังตอบไม่ค่อยชัดเจน
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแผนจะจัดทำหนังสือไทยที่เป็นลิขสิทธิ์ของบริษัทเป็น e-book โดยอาจเป็นหนังสือใหม่หรือเป็นหนังสือเก่าบ้าง ซึ่งจะนำมาจัดเป็นชุดเพื่อจำหน่ายในราคาที่ค่อนข้างถูก คาดว่าจะวางขายได้ไตรมาส 2/54 เชื่อว่าจะทำรายได้เสริมเข้ามาอีกทาง และเป็นการชิมลางระบบของไทยก่อนว่าสามารถจะรองรับได้ขนาดไหน
"รายได้แรกๆ อาจจะไม่มากแต่เชื่อว่าในระบบโดยเฉพาะถ้า 3G ประสบความสำเร็จทำจริงจังในไทย อัตราการเติบโตของ e-book น่าจะดีกว่าเดิม เพราะทุกวันนี้เวลาโหลดยังต้องอาศัยหลายอย่าง เช่น wifi หรือโหลดจากโทรศัพท์ธรรมดา ซึ่งยังมีความช้าของการดาวน์โหลดเป็นอุปสรรคอยู่ ช่วงแรกเป็นเรื่องไทยที่ซื้อลิขสิทธิเอาไว้จะเป็นเรื่องอะไรต้องดูช่วงที่จะออก"นายวิฑูร กล่าว
ขณะที่ธุรกิจทีวีดาวเทียมในปีหน้าบริษัทมีแผนจะขยายช่องทีวีเพิ่มขึ้น จากปีนี้ที่เปิดช่อง SMM TV Job & Variety เพิ่งเริ่มออกอากาศราว 1-2 เดือนเผยแพร่ผ่านดาวเทียมไทยคม 5 ตลอด 24 ช.ม.ซึ่งผลตอบรับในขณะนี้ถือว่าดีเกินคาด แม้ว่าจะยังไม่ได้มีการขายโฆษณา ยังต้องใช้เวลาอีกพอสมควรที่จะประเมินผลสำเร็จ แต่ขณะนี้ก็มีคนโทรศัพท์เข้ามาในรายการจำนวนมาก แสดงว่ามีคนดูกลุ่มหนึ่งแล้ว
นายวิฑูร กล่าวว่า การลงทุนช่องทีวีต่อไปน่าจะใช้เงินลงทุนไม่มากเท่าช่องแรก โดยบริษัทตั้งงบลงทุนในธุรกิจทีวีดาวเทียมในปีหน้าไว้ 10 ล้านบาท เฉพาะที่จะใช้ปรับปรุงโปรแกรม อุปกรณ์ และเทคโนโลยีที่จะทำให้ดีขึ้น แต่หากจะเพิ่มช่องใหม่ก็อาจจะต้องเพิ่มเงินลงทุนเพิ่มขึ้นจากที่ตั้งไว้ในเบื้องต้นดังกล่าว
"ตอนนี้อยากทำให้ทีวีเรานิ่งและดีพอควรแล้วค่อยเริ่มทำโฆษณา อาจจะต้องรออีก 1-2 เดือนให้รายการนิ่งเพื่อให้คนดูติดก่อนจึงเริ่มโฆษณาและการหาโฆษณาก็จะเริ่มดีขึ้น...ปีหน้าในโปรเจ็คต์ของเราก็จะมีการขยายช่องแต่ก็ต้องรอดูผลรายการที่ทำอยู่ดีพอควรหรือยัง และจะขยายอย่างไร เพราะช่องแรกอาจจะลงทุนสูง พอช่องต่อไปลงทุนต่ำ เครื่องมือสามารถใช้ร่วมกันได้ และรอดูท่าทีของเศรษฐกิจปีหน้าก่อน"นายวิฑูร กล่าว
สำหรับปัจจัยเสี่ยงในปี 54 บริษัทมองประสบการณ์ที่ผ่านมาในปีนี้ เมื่อการเมืองเกิดความวุ่นวายส่งผลกระทบให้ร้านต้องปิดและทำให้การขายสะดุดไปบ้าง อีกทั้งผู้บริโภคชะงักการใช้จ่ายเงินเป็นภาวะเสี่ยงที่อาจเปิดขึ้นได้ แต่ก็ยังมั่นว่าในปีหน้ารายได้จะเติบโตได้ 10% จากธุรกิจสิ่งพิมพ์เป็นหลัก โดยมีสัดส่วนรายได้ประมาณ 70-80% ขณะที่ต้นทุนราคากระดาษไม่ใช่นัยสำคัญที่ทำให้เกิดความเสี่ยง เพราะที่ผ่านมาบริษัทก็ได้ซื้อกระดาษตุนไว้ค่อนข้างมาก ซึ่งทำให้ปีนี้ผลกระทบจึงไม่มาก
นายวิฑูร คาดว่า กำไรสุทธิในปีนี้ดีกว่าปีก่อนที่มีกำไร 24.32 ล้านบาท เป็นตามรายได้ที่เติบโตขึ้นและปัจจัยหลายด้านปรับตัวดีขึ้นด้วย ปกติอัตรากำไรสุทธิจะเติบโตล้อกันไปกับรายได้ รวมทั้งเมื่อผลิตสินค้าในจำนวนมากก็ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยต่ำลง ขณะที่โฆษณาจากธุรกิจวิทยุก็ปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลก อีกทั้งขณะนี้การแข่งขันฟุตบอลในประเทศเป็นที่สนใจมากขึ้น ทำให้โฆษณาเข้ามาค่อนข้างดี
ผลประกอบการไตรมาส 4/53 แม้ธุรกิจหนังสือส่วนใหญ่จะเจอปัญหาอุปสรรคเรื่องน้ำท่วม รวมถึงบริษัทด้วย แต่ไม่ถึงกับกระทบมาก ถือว่าอยู่ในอาการที่ดีไม่เซซวน เนื่องจากรายได้ด้านอื่น ๆ ปรับตัวดีขึ้น ทำให้กำไรไตรมาส 4/53 น่าจะยังออกมาเป็นปกติ รวมถึงมีการรับรู้รายได้จากโฆษณาช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลกที่ค้างอยู่บ้าง หลังจากส่วนใหญ่บันทึกฯในไตรมาส 3
"ผลประกอบการที่ผ่านมาเจอขาดทุนต่อต่อกันมาหลายปีก็พยายามแก้ไขและเริ่มดี ทุกอย่างก็ต้องรอดู ปีนี้รอลุ้นว่าอาจจะมีปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้หรือไม่"นายวิฑูร กล่าว
อนึ่ง เมื่อเดือน เม.ย.53 คณะกรรมการ SMM อนุมัติการโอนทุนสำรองตามกฎหมายและโอนส่วนเกินมูลค่าหุ้นไปชดเชยผลขาดทุนสะสม ณ วันที่ 31 ธ.ค.52 ทั้งหมดจำนวน 18.34 ล้านบาท
นายวิฑูร กล่าวว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างการหาพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ เนื่องจากบริษัทเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ก็เปิดกว้างและอยากใหคนมาร่วมช่วยทำงาน ซึ่งจะทำให้ผู้ถือหุ้นดีขึ้นด้วย ขณะที่กระแสข่าวที่ออกมาเรื่อยๆว่าจะมีพันธมิตรเข้ามานั้น ขณะนี้ยังไม่มีรายได้ที่เข้ามาจริง