ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กวิตกปัญหาหนี้ยุโรป ถ่วงดาวโจนส์ปิดลบ 19.07 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday December 16, 2010 06:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (15 ธ.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะของยุโรป หลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ระบุว่าอาจจะปรับลดอันดับเครดิตของสเปน อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ปรับตัวลงเพียงเล็กน้อยเพราะตลาดได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ รวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภคที่ยังอยู่ในระดับต่ำและดัชนีการผลิตในภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวสูงขึ้น

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 19.07 จุด หรือ 0.17% ปิดที่ 11,457.47 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 6.36 จุด หรือ 0.51% ปิดที่ 1,235.23 จุด และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 10.50 จุด หรือ 0.40% ปิดที่ 2,617.22 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.1 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 2 ต่อ 1

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กถูกปกคลุมด้วยความวิตกกังวลเรื่องปัญหาหนี้ยุโรปอีกครั้ง เมื่อสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส เตือนว่า มูดีส์อาจจะปรับลดอันดับเครดิตขั้น Aa1 ของสเปน เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการกู้ยืม ตัวเลขขาดทุนในภาคธนาคาร และยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาล

แคทริน มูห์บรอนเนอร์ นักวิเคราะห์ของมูดีส์กล่าววันนี้ว่า "สเปนจำเป็นต้องระดมทุนจำนวนมาก ไม่เพียงแต่เฉพาะระดมทุนสำหรับรัฐบาลกลางเท่านั้น แต่ยังรวมถึงรัฐบาลระดับภูมิภาค และภาคธนาคารด้วย ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลให้สเปนประสบปัญหาความตึงเครียดในการระดมทุน ส่วนอันดับความน่าเชื่อถือของสเปนนั้น มีความเป็นไปได้ว่าจะยังคงอยู่ในกรอบ "Aa" บนสมมติฐานที่ว่าสเปนยังไม่จำเป็นต้องขอรับความช่วยเหลือจากภายนอก"

นอกจากนี้ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ยังได้ปรับลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของเบลเยี่ยมลงสู่ระดับ เชิงลบ จากเดิม มีเสถียรภาพ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับปัญหายอดขาดดุลงบประมาณเช่นกัน

ความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรปส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์พุ่งขึ้น 1.2% เมื่อเทียบกับยูโร และฉุดราคาหุ้นบริษัทสหรัฐที่มีฐานธุรกิจในต่างประเทศร่วงลงด้วย

อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายโดยรวมในตลาดยังคงคึกคัก เนื่องจากนักลงทุนขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ รวมถึงรายงานของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ระบุว่า ดัชนีการผลิตในภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย.พุ่งขึ้นแตะระดับ 10.57 จุด จากเดือนต.ค.ที่ระดับ -11.14 จุด ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ซึ่งเป็นดัชนีวัดเงินเฟ้อที่สำคัญ เพิ่มขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนพ.ย. น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% ซึ่งบ่งชี้ว่าภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐยังคงอยู่ในระดับต่ำ ส่วนดัชนีซีพีไอพื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงานในเดือนพ.ย. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า วุฒิสภาสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายการขยายโครงการลดหย่อนภาษีมูลค่า 8.58 แสนล้านดอลลาร์ โดยคณะทำงานของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้ยื่นร่างกฎหมายดังกล่าวต่อสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐแล้ว ซึ่งคาดว่าร่างกฎหมายฉบับนี้จะผ่านมติในสภาดังกล่าวแม้จะมีเสียงคัดค้านจากสมาชิกพรรคเดโมแครตก็ตาม

หุ้นโคคาโคลาปิดบวก 1.3% หุ้นอัลโค อิงค์ ปิดร่วง 1.7% ส่วนหุ้นบอสตัน เบียร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเบียร์ Sam Adams ปิดทะยานขึ้น 12.1% หลังจากบริษัทประกาศเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการปี 2554

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยข้อมูลดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 3 และข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ย. และกระทรวงแรงงานจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ส่วนวันศุกร์ สำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ดจะเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนพ.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ