ทริสฯ ปรับแนวโน้มเครดิต BGH เป็น Positive จาก Stable, คงเครดิตที่ “A"

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday December 17, 2010 15:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศยืนยันอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของ บมจ. กรุงเทพดุสิตเวชการ (BGH) ที่ระดับ “A" พร้อมทั้งปรับแนวโน้มอันดับเครดิตเป็น “Positive" หรือ “บวก" จาก “Stable" หรือ “คงที่"

การปรับแนวโน้มอันดับเครดิตดังกล่าวสืบเนื่องจากประกาศของ BGH เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2553 ที่ระบุว่าบริษัทตกลงจะซื้อและรับโอนกิจการของ บริษัท เฮลท์ เน็ตเวิร์ค จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของกลุ่มโรงพยาบาลพญาไทและกลุ่มโรงพยาบาลเปาโล โดยรูปแบบการซื้อกิจการจะใช้วิธีการแลกหุ้น

แนวโน้มอันดับเครดิต“Positive"หรือ“บวก"สะท้อนการดำเนินธุรกิจและฐานะทางการเงินของบริษัทที่ปรับตัวดีขึ้น ตลอดจนฐานลูกค้าที่กระจายตัวมากขึ้น และการประหยัดต้นทุนซึ่งเกิดจากการซื้อและรับโอนกิจการของบริษัทเฮลท์ เน็ตเวิร์ค เมื่อพิจารณาประวัติการควบรวมกิจการในอดีตที่ประสบความสำเร็จของบริษัท

ทริสเรทติ้ง เชื่อว่าบริษัทจะดำเนินการซื้อกิจการในครั้งนี้ได้อย่างราบรื่นโดยไม่มีต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายทุนสูงกว่าคาด อันดับเครดิตของบริษัทมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นได้หากบริษัทสามารถควบคุมการบริหารโรงพยาบาลต่าง ๆ ภายใต้สังกัดได้เป็นอย่างดีและประสบความสำเร็จในการนำโรงพยาบาลภายใต้บริษัทเฮลต์ เน็ตเวิร์คเข้ามารวมกลุ่มได้ ในทางตรงกันข้าม หากฐานะการเงินของบริษัทถดถอยลงหรือระดับหนี้สินสูงขึ้นกว่าที่คาดไว้ก็จะมีผลกระทบในทางลบต่ออันดับเครดิตและแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัท

การควบรวมกิจการจะใช้เงินทุนจากหลายแหล่ง ได้แก่ เงินสด การออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนชุดใหม่ รวมถึงการโอนหนี้เงินกู้ยืมและดอกเบี้ยค้างจ่ายระหว่างบริษัทเฮลท์ เน็ตเวิร์คและบริษัทลูกให้แก่บริษัท ในระยะแรกของการซื้อกิจการ บริษัทจะซื้อสินทรัพย์ทั้งหมดของบริษัทเฮลท์ เน็ตเวิร์คโดยใช้เงินทุนจากการขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนชุดใหม่จำนวน 230.87 ล้านหุ้นที่ราคาหุ้นละ 37.75 บาทและเงินสดอีกจำนวน 680 ล้านบาท รวมถึงการรับโอนหนี้เงินกู้ยืมและดอกเบี้ยค้างจ่ายไม่เกิน 430 ล้านบาทภายใต้สัญญาการกู้ยืมระหว่างบริษัทเฮลท์ เน็ตเวิร์ค (ในฐานะผู้กู้) กับ บริษัท เปาโลเมดิค จำกัด (ในฐานะผู้ให้กู้)

สินทรัพย์ของบริษัท เฮลท์ เน็ตเวิร์คที่บริษัทจะซื้อ ได้แก่ หุ้นในบมจ.ประสิทธิ์พัฒนา(PYT)49.17% นอกจากนี้ ยังรวมหุ้นในโรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการเต็ม 100% หุ้นในโรงพยาบาลเปาโล โชคชัย 4 จำนวน 80.72% และหุ้นในโรงพยาบาลเปาโล นวมินทร์จำนวน 99.76% โดยหุ้นที่บริษัทเฮลท์ เน็ตเวิร์คได้รับจาก BGH จะกระจายให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทเฮลท์ เน็ตเวิร์คต่อไป

นอกจากนี้ BGH จะออกหุ้นสามัญชุดใหม่จำนวน 4.127 ล้านหุ้นรวมมูลค่า 156 ล้านบาทโดยขายแบบเฉพาะเจาะจงให้แก่ผู้ถือหุ้นหลักของบริษัทเฮลท์ เน็ตเวิร์ค ซึ่งจะทำให้ผู้ถือหุ้นของบริษัทเฮลท์ เน็ตเวิร์คถือหุ้นของบริษัทในสัดส่วน 15.9% ปัจจุบันบริษัทถือหุ้นในบริษัทประสิทธิ์พัฒนาในสัดส่วน 19.47% หลังจากการซื้อกิจการบริษัทเฮลท์ เน็ตเวิร์คแล้ว สัดส่วนการถือหุ้นจะเพิ่มเป็น 68.64% ซึ่งทำให้บริษัทต้องเสนอซื้อหุ้นที่เหลือทั้งหมดตามกฎหมาย โดยบริษัทอาจใช้เงินสดจำนวน 2,726 ล้านบาทหรือเงินจากการขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนชุดใหม่จำนวน 72.198 ล้านหุ้นเพื่อซื้อหุ้นดังกล่าว ทั้งนี้ คาดว่ากระบวนการซื้อกิจการจะเสร็จสิ้นในไตรมาสแรกของปี 2554

ทริสเรทติ้ง กล่าวว่าหลังการควบรวม คาดว่าสถานะทางธุรกิจของ BGH จะแข็งแกร่งขึ้น ในขณะที่อัตราส่วนทางการเงินในส่วนของหนี้สินและการทำกำไรอาจเปลี่ยนแปลงไปจากสถานะในปัจจุบันเล็กน้อย สถานะทางการแข่งขันของกลุ่มก็จะเข้มแข็งยิ่งขึ้นเนื่องจากส่วนแบ่งทางการตลาดซึ่งวัดจากจำนวนเตียงผู้ป่วยจะเพิ่มจาก 9.3% เป็น 14.6% นอกจากนี้ ฐานลูกค้าก็จะขยายครอบคลุมกลุ่มคนไข้ระดับกลางถึงระดับบนในหลากหลายทำเลยิ่งขึ้น

สำหรับอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนนั้นคาดว่าจะคงอยู่ในระดับที่รับได้ประมาณ 38%-44% ซึ่งเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยจากระดับ 43% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2553 ในขณะที่อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อรายได้จากการขายจะคงอยู่ที่ระดับ 22%-23% การประหยัดต้นทุนซึ่งเกิดจากประโยชน์ที่ได้จากการประหยัดจากขนาดหรือการใช้ประโยชน์จาก สินทรัพย์และบริการร่วมกันภายในกลุ่มอาจต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งจึงจะปรากฎผล นอกจากนี้ ขนาดสินทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่ของบริษัทจะทำให้ระดับอัตราส่วนผลตอบแทนต่อเงินทุนถาวรมีระดับต่ำกว่าของคู่แข่ง

อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายของโรงพยาบาลทั้งหมดในกลุ่มคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 40% จากระดับประมาณ 5,000 ล้านบาทในปี 2552

BGH เป็นผู้ประกอบการโรงพยาบาลเอกชนรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทยซึ่งก่อตั้งในปี 2512 บริษัทขยายตัวอย่างต่อเนื่องทั้งจากการเติบโตตามลักษณะของธุรกิจและโดยการควบรวมกิจการ การซื้อกิจการบริษัทเฮลท์ เน็ตเวิร์คคาดว่าจะทำให้ฐานลูกค้าขยายไปยังกลุ่มลูกค้าประกันสังคมและลูกค้าภาคราชการ

ณ เดือนธันวาคม 2553 บริษัทบริหารโรงพยาบาลทั้งหมด 19 แห่ง ด้วยจำนวนเตียงผู้ป่วยทั้งสิ้น 2,992 เตียง โดยมีตราสัญลักษณ์โรงพยาบาลในสังกัด ได้แก่ โรงพยาบาลกรุงเทพ โรงพยาบาลสมิติเวช โรงพยาบาลบีเอ็นเอช และโรงพยาบาลในต่างประเทศภายใต้ตราสัญลักษณ์โรงพยาบาล รอยัล อินเตอร์เนชั่นแนล หลังจากการควบรวมแล้ว บริษัทจะมีโรงพยาบาลในสังกัดเพิ่มเป็น 27 แห่ง และมีเตียงบริการผู้ป่วยรวม 4,639 เตียง โดยจะมีตราสัญลักษณ์โรงพยาบาลอีก 2 แห่งคือโรงพยาบาลพญาไทและโรงพยาบาลเปาโลเข้ามาร่วมกลุ่ม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ