บมจ.การบินไทย(THAI)ตั้งเป้าปี 54 รายได้จากการให้บริการเติบโต 10% จากปีนี้ ขณะที่อัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร(cabin factor)ที่ประมาณ 75% ใกล้เคียงปีนี้ โดยจะรักษาระดับการป้องกันความเสี่ยงราคาน้ำมันที่ 70% ต่อจากปีนี้
บริษัทยังมีแผนออกและเสนอขายหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 8 พันล้านบาท ในช่วงไตรมาส 1/54
นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ THAI เปิดเผยว่า รายได้ในปีหน้าจะเพิ่มขึ้นราว 10% จากการที่บริษัทจะมีจำนวนเครื่องบินเพิ่มมากขึ้น โดยในช่วงเดือน มี.ค.54 จะทยอยรับมอบเครื่องบินแอร์บัส 330 จำนวน 5 ลำ และในช่วงปลายปีจะรับเครื่องบินรุ่นเดียวกันอีก 7 ลำ ซึ่งทำให้บริษัทสามารถรองรับจำนวนผู้โดยสารเพิ่มมากขึ้น และคาดว่าเศรษฐกิจโลกน่าจะฟื้นตัวดีขึ้น อาจจะมีความกังวลบ้างในเศรษฐกิจยุโรป อย่างไรก็ตาม หวังว่าจะไม่มีปัญหาทางการเมืองเหมือนที่เกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 2/53
"ปัญหาวุ่นวายทางการเมือง ไม่น่าจะเกิดขึ้นอีกก็จะช่วยให้รายได้เราโตตามเป้าหมายที่วางไว้ และเราก็ยังมี production (เครื่องบิน)เพิ่มขึ้น น่าจะช่วยทำให้รายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย"นายปิยสวัสดิ์ กล่าว
สำหรับ cabin factor ในปี 54 คาดว่าจะอยู่ที่ 74.6% ใกล้เคียงกับปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 74% ซึ่งถือว่าระดับดี แม้ว่าจะได้รับผลกระทบในไตรมาส 2/53 ที่มีปัญหาการเมืองซึ่ง cabin factor ลดลงเหลือ 65% แต่เชื่อว่าไตรมาส 4/53 จะดีกว่าทุกไตรมาส ทั้งรายได้และกำไร เพราะจากตัวเลขผู้โดยสารปรับตัวดีขึ้น
นอกจากนี้ ในปี 54 บริษัทยังคงรักษาระดับการป้องกันความเสี่ยงน้ำมันที่ระดับ 70% ควบคู่ไปกับการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมน้ำมัน (Fuel Surcharge) เนื่องจากราคาน้ำมันยังเป็นความเสี่ยงต่อเนื่องในปี 54 รวมถึงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน
นายปิยสวัสดิ์ เปิดเผยอีกว่า บริษัทมีแผนปรับปรุงที่นั่งภายในเครื่องบินโบอิ้ง 747-400 จำนวน 6 ลำ คาดว่าจะใช้งบประมาณ 2.35 พันล้านบาท คาดว่าจะเริ่มดำเนินการในปี 53-56 ซึ่งจะทำให้บริษัทมีความสามารถในการแข่งขันเพิ่มมากขึ้นและมีที่นั่งที่มีคุณภาพเป็นอันดับต้น ๆ ของสายการบินระดับโลก
ทั้งนี้ ตามแผนงานบริษัทจะมีการปรับปรุงที่นั่งภายในเครื่องบิน จำนวน 16 ลำ ใช้งบลงทุนประมาณ 5-6 พันล้านบาท ถือว่าไม่มากหากเทียบกับการซื้อเครื่องบินใหม่
นายปิยสวัสดิ์ กล่าวว่า บริษัทมีแผนออกหุ้นกู้จำนวน 8 พันล้านบาท ในช่วงไตรมาสแรกปี 54 เพื่อนำไปรีไฟแนนซ์หุ้นกู้เดิมที่จะครบอายุ โดยอายุหุ้นกู้จะมีไม่น้อยกว่า 7-8 ปี สอดคล้องเงินกู้สถาบันการเงินที่บริษัทได้กู้มาก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม จะให้ที่ปรึกษาทางการเงินที่อยู่ระหว่างการศึกษาอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมอีกครั้ง เพราะหากอายุหุ้นกู้มีระยะยาวจะมีต้นทุนดอกเบี้ยสูง
ส่วนการซื้อหุ้นสายการบินนกแอร์จากธนาคารกรุงไทย นายปิยสวัสดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า เพราะต้องการศึกษาราคาที่เหมาะสม และสอดคล้องกับผลประกอบการของบริษัทอย่างแท้จริง เพราะล่าสุดผู้บริหารนกแอร์ได้ออกมาให้ข่าวว่าปีหน้าผลประกอบการจะไม่ดีเมื่อเทียบกับปีนี้ ดังนั้น การซื้อหุ้นสายการบินนกแอร์ก็ต้องมีความรอบคอบมากขึ้น
ขณะที่การจัดตั้งสายการบิน ไทยไทเกอร์แอร์ ก็ยังคงดำเนินการอยู่