ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (17 ธ.ค.) ท่ามกลางบรรยากาศการซื้อขายที่ผันผวนและไร้ทิศทาง เนื่องจากตลาดขาดปัจจัยหนุนแม้จะมีการเปิดเผยรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีขึ้นของสหรัฐ แต่ความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ยุโรปยังคงบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลดลง 7.34 จุด หรือ 0.06% ปิดที่ 11,491.91 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ขยับขึ้น 1.04 จุด หรือ 0.08% แตะที่ระดับ 1,243.91 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 5.66 จุด หรือ 0.21% แตะที่ 2,642.97 จุด
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นได้รับผลกระทบจากที่มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของไอร์แลนด์ลงสู่ระดับ Baa1 จาก Aa2 โดยให้แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นเชิงลบ หลังจากวิกฤตหนี้สาธารณะได้บีบให้รัฐบาลไอร์แลนด์ต้องขอรับความช่วยเหลือจากภายนอก
เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลไอร์แลนด์ได้ยอมรับความช่วยเหลือในรูปของเงินกู้ฉุกเฉินมูลค่า 8.5 หมื่นล้านยูโร (1.13 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากสหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) หลังจากรัฐบาลสูญเสียงบประมาณไปจำนวนมากจากการกู้วิกฤตภาคธนาคาร
ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา ฟิทช์ เรทติ้งส์ ได้ประกาศลดอันดับเครดิตไอร์แลนด์ลง 3 ขั้น สู่ระดับ BBB+ จากระดับ A+
ขณะเดียวกัน ตลาดยังไม่มีปฏิกิริยาต่อกรณีที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐ ลงนามในร่างกฎหมายขยายโครงการลดหย่อนภาษีมูลค่า 8.58 แสนล้านดอลลาร์ออกไปอีก 2 ปี หลังจากที่ร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวได้ผ่านการอนุมัติจากวุฒิสภาไปแล้วเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา
โดยผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่า แม้ร่างกฎหมายลดหย่อนภาษีมูลค่า 8.58 แสนล้านดอลลาร์จะสามารถกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐได้ แต่จะส่งผลให้ตัวเลขหนี้ของรัฐบาลกลางสหรัฐพุ่งขึ้นใกล้ระดับที่เป็นอันตราย โดยมีการประเมินกันไว้ก่อนหน้านี้ว่า หากมาตรการดังกล่าวมีผลบังคับใช้เป็นกฎหมาย จะส่งผลให้ตัวเลขหนี้ของสหรัฐเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันตัวเลขดังกล่าวอยู่ที่ระดับ 13.86 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งมีสัดส่วนกว่า 90% ของจีดีพี
มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส เตือนว่า มูดีส์อาจลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐที่ระดับ Aaa หากข้อตกลงการขยายโครงการลดหย่อนภาษีที่โอบามาและแกนนำพรรครีพับลิกันทำร่วมกันนั้น มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมาย โดยมูดีส์ได้แสดงความกังวลว่า การขยายโครงการลดหย่อนภาษีอาจส่งผลให้ยอดขาดดุลงบประมาณและตัวเลขหนี้สาธารณะของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้สูงมากที่มูดีส์จะปรับเปลี่ยนแนวโน้มความน่าเชื่อถือของสหรัฐในอีก 2 ปีข้างหน้านี้
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่ดีขึ้นนั้น สำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเอกชนของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนพ.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.1% สอดคล้องคาดการณ์ หลังจากที่กระเตื้องขึ้น 0.5% ในเดือนต.ค.
เคน โกลด์สเตน นักวิเคราะห์จากสำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ดกล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐเริ่มมีชีวิตชีวาในช่วงปลายปีนี้ โดยดัชนีชี้นำภาพรวมเศรษฐกิจล้วนบ่งชี้ถึงภาวะการฟื้นตัวหลังผ่านพ้นภาวะชะลอตัวในฤดูหนาว แต่ถึงกระนั้นตลาดอสังหาริมทรัพย์และตลาดแรงงานยังคงเผชิญภาวะซบเซาต่อไปในระยะกลาง