นายวิชา พูลวรลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์กรุ้ป (MAJOR) กล่าวว่า บริษัทเตรียมงบลงทุนปี 54 ที่ 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 300-360 ล้านบาทจะลงทุนต่างประเทศ และ 600 ล้านบาทลงทุนในประเทศ ส่วนใหญ่เป็นงบลงทุนขยายโรงภาพยนตร์ โดยในประเทศคาดว่าจะเพิ่มจำนวนอีก 30 โรง และต่างประเทศ 40-50 โรง
นอกจากนั้น ในอนาคตบริษัทมีแผนจะขยายโรงภาพยนต์ที่ใช้ระบบดิจิตอลเพิ่มเป็น 150 โรงในอีก 5 ปีข้างหน้า นับจากปี 54 เป็นต้นไป จากปัจจุบันที่มีอยู่ 36 โรง เนื่องจากมองว่าการพัฒนาโรงฉายภาพยนตร์ระบบดิจิตอลจะทำให้คุณภาพของหนังความคมชัดดีขึ้นรวมถึงต้นทุนก็จะลดลงมากกว่าระบบฟิล์ม
ทั้งนี้ ใน 5 ปีข้างหน้าบริษัทคาดว่าจะมีโรงภาพยนต์ในเครือเมเจอร์มากกว่า 500 โรง จากปัจจุบันที่มีกว่า 300 โรง
นายวิชา คาดว่า ในปี 54 รายได้ของบริษัทจะเติบโตราว 10-15% ซึ่งเป็นอัตราเติบโตที่ไม่สูงมากนัก เนื่องจากฐานรายได้ปีนี้อยู่ในระดับค่อนข้างสูงมากแล้ว
สำหรับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในปีหน้าคาดว่าจะมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ประมาณ 4,000 ล้านบาท โดยจะมีหนังไทยเข้าฉาย 50-60 เรื่อง ซึ่งน่าจะเป็นภาพยนต์ที่ได้รับความสนใจและทำเงินได้มาก รวมถึงมีหนังต่างประเทศฟอร์มยักษ์ ได้แก่ Pirates of the Caribbean: On Stranger Tiders, The Twilight Saga: Breaking down — Part 1 เป็นต้น ที่จะเข้าฉายปีหน้า
ขณะที่การลงทุนในตลาดในอินเดียมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างช็อปปิ้งมอลล์ คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 54 และการเข้าลงทุนในอินเดีย ขณะนี้ไม่มีปัญหาจากทางธนาคารชาติ แต่มีปัญหาด้านกฎหมายในประเทศอินเดียที่ทำให้กระบวนการลงทุนเพิ่มยังไม่แล้วเสร็จ
ส่วนรายได้ในปี 53 คาดว่าจะเติบโต 10% แม้ 3 ไตรมาสที่ผ่านมาจะเติบโต 15% แต่ไตรมาส 4 ช่วงต้นไตรมาส รายได้อ่อนตัวลงเล็กน้อย เนื่องจากภาพยนต์หลายเรื่องทำเงินต่ำกว่าเป้าหมาย แต่ในช่วงเดือน ธ.ค.53 ภาพยนต์ที่รอฉายจะเป็นหนังทำเงิน