(เพิ่มเติม) PTTAR คาดปี 54 กำไรดีตามราคาผลิตภัณฑ์-ค่าการกลั่น,แผนควบรวมชัดใน Q2/54

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday December 21, 2010 15:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายบวร วงศ์สินอุดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น(PTTAR) คาดว่ากำไรสุทธิในปี 54 จะเติบโตขึ้นจากปี 53 เนื่องจากแนวโน้มราคาผลิตภัณฑ์และค่าการกลั่นปรับตัวดีขึ้น โดยคาดว่าส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์(สเปรด)พาราไซลีนในปีหน้าจะสูงกว่า 400 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากปีนี้อยู่ที่เกือบ 400 เหรียญสหรัฐ/ตัน และสเปรดเบนซีนจะสูงกว่า 200 เหรียญสหรัฐ/ตัน ใกล้เคียงกับปีนี้

นอกจากนั้น จากการที่เศรษฐกิจเติบโตขึ้นน่าจะทำให้ความต้องการใช้พาราไซลีนและเบนซีนอยู่ในระดับสูง รวมทั้งราคาน้ำมันในตลาดโลกก็น่าจะปรับตัวดีขึ้นจากปัจจุบัน โดยปีนี้คาดว่าราคาน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 75-80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แต่ในปี 54 คาดว่าจะขึ้นไปถึง 87 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เนื่องจากความต้องการน้ำมันในตลาดโลกจะสูงขึ้นอีก 1.3 ล้านบาร์เรล/วันตามเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัว ซึ่งหลายสำนักประเมินว่าจะขยายตัว 4.2% น่าจะส่งผลดีต่อค่าการกลั่น ทำให้ค่าการกลั่นรวมเฉลี่ย(GIM)ในปีหน้าจะสูงกว่าปีนี้

ส่วนไตรมาส 4/53 กำไรของบริษัทน่าจะออกมาดีมาก เนื่องจากมีกำไรจากสต็อกน้ำมัน(stock gain)ในระดับสูง โดยราคาน้ำมันในไตรมาส 3/53 เฉลี่ยอยู่ที่ 74 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และในไตรมาส 4/53 ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 84 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ขณะที่ราคาพาราไซลีนและเบนซีนช่วงต้นไตรมาสและปลายไตรมาสนี้อยู่ในระดับที่ดีมาก ปัจจุบันสเปรดของพาราไซลีนสูงถึง 400-500 เหรียญสหรัฐ/ตัน

นายบวร กล่าวว่า PTTAR ยังอยู่ระหว่างการทบทวนแผนลงทุน 5 ปี(53-57) ซึ่งมีการตั้งงบลงทุนไว้ที่ 358 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยคาดว่าจะมีข้อสรุปภายในเดือน มิ.ย.54 ซึ่งมีรายละเอียดการลงทุนในโครงการ PTTAR 2 และ 3 รวมถึงทบทวนแผนการลงทุนกรีน เจ็ท ดีเซล ที่มีปัญหาจากราคาปาล์มที่ปรับตัวสูงขึ้นมาก จึงต้องพิจารณาวัตถุดิบที่จะนำมาใช้อีกครั้ง อีกทั้ง หน่วยแครกเกอร์ใหม่ที่จะมีการลงทุน

ด้านแผนการควบรวมกิจการบริษัทในเครือ บมจ.ปตท.(PTT) น่าจะมีความชัดเจนในช่วงไตรมาส 2/53 ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาและทบทวนให้มีความรอบคอบ แม้ว่า บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย(SCC)จะมีการขายหุ้น บมจ.ปตท.เคมิคอล(PTTCH)ออกมา แต่ทาง PTTAR ยังไม่ได้รับคำสั่งหรือมีความชัดเจนเพิ่มเติมจากทาง PTT

แต่เชื่อว่าการควบรวมกิจการจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะในอดีตที่ผ่านมาการควบรวมกิจการสร้างความแข็งแกร่งให้กับกลุ่ม PTT มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมีจำเป็นต้องมีการควบรวมกิจการเพื่อลดความเสี่ยงเมื่อเกิดวัฎจักรขาลงของธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ