นายอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บมจ.แสนสิริ(SIRI) เปิดเผยว่า ในปีหน้าบริษัทแผนพัฒนาคอนโดมีเนียมอีก 11 โครงการใหม่ มูลค่ารวมประมาณ 20,000 ล้านบาท หรือคาดว่าจะสามารถนำเสนอยูนิตใหม่สู่ตลาดได้ประมาณ 4,000-5,000 ยูนิต โดยยังคงเน้นพัฒนาคอนโดมิเนียมทำเลติดเส้นทางรถไฟฟ้าเป็นหลัก เพื่อครอบคลุมความต้องการทุกระดับราคาความต้องการของลูกค้า
ปัจจุบัน บริษัทมีที่ดินรอการพัฒนาอีก 8 ทำเล เน้นในย่านสุขุมวิท, สาทร-ตากสิน, พหลโยธิน, สะพานควายและแนวต่อขยายเส้นทางรถไฟฟ้า รวมทั้งล่าสุดได้ซื้อที่ดินกว่า 10 ไร่ย่านรัตนาธิเบศร์แนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วง เตรียมพัฒนาคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่รองรับการเติบโตของทำเลดังกล่าว
SIRI ยังคงพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมอย่างต่อเนื่องตลอดปี 54 โดยจะกระจายในทุกกลุ่มราคาตั้งแต่ 30,000-100,000 บาทต่อ ตร.ม.ขึ้นไป โดยจะนำระบบพรีแคสเข้ามาช่วยในการบริหารต้นทุนและเพิ่มความรวดเร็วในการก่อสร้างคอนโดฯ ด้วย พร้อมสร้างความแตกต่างด้วยการจับมือพาร์ทเนอร์แบรนด์ดังเพื่อสร้างสรรค์วัสดุก่อสร้างและเฟอร์นิเจอร์ในรูปแบบเฉพาะ เพื่อเสริมความสะดวกสบายและประหยัดพื้นที่ในการอยู่อาศัยมากยิ่งขึ้น
นายอุทัย เชื่อว่าภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในปีหน้า ผู้ประกอบการรายเล็กจะลดน้อยลงมากเหลือเพียงผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีความพร้อมด้านเงินทุนหลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)คุมกลไกการปล่อยสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์
"ผมเชื่อว่าการที่ ธปท. ประกาศมาตรการเพื่อรักษาสมดุลย์ระหว่างดีมานด์และซัพพลายตลาดนั้นจะทำให้ปีหน้าเราจะเห็นแต่การแข่งขันของแบรนด์ใหญ่ๆ ที่เป็นมืออาชีพ ซึ่งมุมมองของแสนสิริเชื่อว่า ณ ปัจจุบันตลาดรวมยังอยู่ในภาวะที่สมดุล"นายอุทัย กล่าว
ทั้งนี้ พิจารณาได้จากยอดรวมตลาดคอนโดมิเนียมในปี 53 ที่นำเสนอสู่ตลาดประมาณ 85,000 ยูนิต และคาดว่าจะขายได้กว่า 55,000 ยูนิตภายในสิ้นปี ซึ่งจะทำให้มียูนิตคงค้างเพื่อขายต่อไปในปี 54 อีกเพียง 30,000 ยูนิตเท่านั้น ซึ่งหากไม่มีการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ก็คาดว่าจะขายหมดในครึ่งปีแรก ขณะที่ราคาคาดว่าจะขยับสูงขึ้น 3-5%
การพัฒนาคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ๆ นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นคอนโดฯ ระดับราคา 50,000-70,000 บาทต่อ ตร.ม.ส่วนระดับราคา 100,000 บาทต่อ ตร.ม.จะมีน้อยลง เนื่องจากที่ดินหายากขึ้นและราคาปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะทำเลย่านรถไฟฟ้า หากพิจารณาย้อนหลังไป พบว่าในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา ราคาที่ดินปรับตัวสูงขึ้นกว่า 40 เท่า โดยเฉพาะที่ดินเกาะแนวรถไฟฟ้าราคาขยับขึ้นสูงกว่า 200% ภายในระยะเวลาเพียง 5 ปี โดยทำเลที่จะเกิดการแข่งขันสูงสุด คือ สุขุมวิท ทองหล่อ พญาไท และสะพานควาย เป็นต้น