ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (21 ธ.ค.) หลังจากจีนประกาศสนับสนุนมาตรการสร้างเสถียรภาพด้านการเงินในกลุ่มยูโรโซนของสหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากข่าวการควบรวมกิจการและการรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งในภาคเอกชน ซึ่งช่วยหนุนดัชนีดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ดีดขึ้น 55.03 จุด หรือ 0.48% ปิดที่ 11,533.16 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 7.52 จุด หรือ 0.60% ปิดที่ 1,254.60 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่การล้มละลายของเลห์แมน บราเธอร์ส ในเดือนก.ย.2551 และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 18.05 จุด หรือ 0.68% ปิดที่ 2,667.61 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กและตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 9.65 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบ 2,078 ต่อ 945 ในตลาดนิวยอร์ก
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้แรงหนุนจากข่าวควบรวมกิจการและการรายงานผลประกอบการที่สดใสของบริษัทเอกชน โดยหุ้นกลุ่มการเงินพุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุด อันเนื่องมาจากการคาดการณ์ที่ว่า การทำธุรกรรมควบรวมกิจการและเข้าซื้อกิจการในภาคการเงินของสหรัฐจะยังคงดำเนินไปจนถึงปีหน้า หลังจากมีรายงานว่าโตรอนโต-โดมิเนียน แบงค์ เข้าซื้อกิจการไคร์สเลอร์ ไฟแนนเชียล ซึ่งเป็นบริษัทสินเชื่อในเครือของไคร์สเลอร์ จากบริษัท เซอร์เบรัส แคปิตอล เมเนจ เมนท์ แอลพี มูลค่ารวม 6.3 พันล้านดอลลาร์
หุ้นแบงค์ ออฟ อเมริกา ปิดพุ่ง 2.85% ขณะที่หุ้นเจพีมอร์แกน เชส ปิดบวก 2.63% และหุ้นอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ปิดบวก 1.72% โดยการทะยานขึ้นของหุ้นกลุ่มการเงินเป็นปัจจัยสำคัญที่พยุงตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวก
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ยุโรป หลังจากนายหวัง ฉีชาน รองนายกรัฐมนตรีจีนเปิดเผยว่า จีนสนับสนุนมาตรการสร้างเสถียรภาพด้านการเงินในกลุ่มยูโรโซนของอียูและไอเอ็มเอฟ
โดยนายหวังกล่าวในพิธีเปิดการประชุม High-Level Economic and Trade Dialogue (HED) ครั้งที่ 3 ที่กรุงปักกิ่งว่า ที่ผ่านมานั้น จีนได้ใช้มาตรการแข็งแกร่งในการช่วยเหลือประเทศสมาชิกอียูที่เผชิญวิกฤตหนี้สาธารณะ โดยจีนชื่นชมกับสัมพันธภาพที่แน่นแฟ้นระหว่างจีนและอียู
ขณะเดียวกันนายหวังกล่าวว่า จีนได้ก้าวขึ้นมาเป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของอียู และอียูยังคงเป็นคู่ค้าในอันดับต้นๆของจีนติดต่อกันยาวนานถึง 6 ปี โดยมูลค่าทางการค้าระหว่างจีนและอียูในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้มีอยู่ถึง 4.339 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 33% ต่อปี
นักลงทุนขานรับข่าวความเคลื่อนไหวของจีน และไม่ให้น้ำหนักกับข่าวฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซ โดยเตือนว่าฟิทช์อาจจะลดอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรของกรีซลงสู่สถานะ "junk" หรือ "ขยะ" หรือ "สถานะที่ไม่น่าลงทุน" รวมทั้งมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ที่เตือนว่าอาจจะลดอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซลง 1 หรือ 2 ขั้น
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้ปัจจัยบวกจากการรายงานผลประกอบการที่สดใสในภาคเอกชน โดยหุ้น Adobe Systems Inc ปิดพุ่ง 5% หลังากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาด พร้อมกับปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขประมาณจีดีพีไตรมาส 3 ครั้งสุดท้าย ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า กระทรวงพาณิชย์จะปรับเพิ่มอัตราการขยายตัวของจีดีพีไตรมาส 3 เป็น 2.8% จากเดิมที่ประเมินว่าขยายตัวเพียง 2.5% ขณะที่สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย.
วันพฤหัสบดี กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยรายได้ส่วนบุคคลเดือนพ.ย. ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย. และยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย. ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
ส่วนวันศุกร์ ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะปิดทำการเนื่องในวันคริสต์มาส