ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (21 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจทั่วโลกจะยังคงฟื้นตัวขึ้นในปีหน้า หลังจากนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะปรับเพิ่มการประมาณการตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 ในวันพุธนี้
ดัชนี FTSE 100 พุ่งขึ้น 60.19 จุด หรือ 1.02% ปิดที่ 5,951.80 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,891.14 - 5,953.94 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเป็นไปอย่างคึกคัก หลังจากนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะปรับเพิ่มอัตราการขยายตัวของจีดีพีไตรมาส 3 เป็น 2.8% จากเดิมที่ประเมินว่าขยายตัวเพียง 2.5%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่พุ่งขึ้นตามราคาโลหะในตลาดโลก โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ปิดบวก 2.9% หุ้นแองโกล อเมริกัน ปิดพุ่ง 4.2% ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ หรือ FTSE 350 Mining Index พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2551 หลังจากราคาตะกั่ว นิกเกิล สังกะสี และดีบุกในตลาดลอนดอนปรับตัวสูงขึ้นเมื่อคืนนี้
หุ้นโรลส์-รอยส์ ปิดบวก 2% หลังจากนักวิเคราะห์ของซิตี้กรุ๊ป ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าวขึ้นสู่ระดับ “buy" จากระดับ “hold"
หุ้นธนาคารบาร์เคลย์ ปิดพุ่ง 2.8% ขานรับข่าวที่ว่า นายโรเบิร์ต ไดมอนด์ ซีอีโอของธนาคารได้เข้าซื้อหุ้นมูลค่า 1 ล้านปอนด์ หรือ 1.6 ล้านดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
บริษัทวิจัย GfK NOP เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอังกฤษยังทรงตัวที่ระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือนในเดือนธันวาคม เนื่องจากชาวอังกฤษเตรียมรับมือกับมาตรการรัดเข็มขัดครั้งใหญ่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2
โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ระดับลบ 21 จุด ในเดือนธันวาคม ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนพฤศจิกายน ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม แต่ดีกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะขยับลงไปอยู่ที่ลบ 22 จุด
สมาพันธ์อุตสาหกรรมอังกฤษ (CBI) คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางอังกฤษจะเริ่มประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในระยะเวลา 6 เดือนนี้ เนื่องจากราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งทำให้คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษกังวลว่า อัตราเงินเฟ้อจะไม่ลดลงรวดเร็วตามที่ธนาคารกลางคาดหวังไว้ นอกจากนี้ CBI คาดว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจอังกฤษจะชะลอตัวลงอย่างมากในช่วงต้นปี 2554