โบรกฯเชียร์"ซื้อ" TUF คาด 3 ปีหน้ากำไรโตสูงจากมาร์จิ้นขยับหลังผนึก MWB

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday December 22, 2010 10:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ ส่วนใหญ่ยังคงแนะนำ"ซื้อ" บมจ. ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น ฟู้ดส์ (TUF) คาดการณ์การเติบโตในช่วง 3 ปี (54-56)ศักยภาพการทำกำไรสูงมาก โดยปี 54 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิเพิ่มเป็น 4.9-4.3 พันล้านบาท จากปี 53 คาดว่ากำไรสุทธิ 3.4 พันล้านบาท จากผลการรวมกิจการ MWB ที่มีสินค้าที่มีแบรนด์เป็นของตัวเอง ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มสูงขึ้น นอกเหนือจากยอดขาย แต่ในช่วง 3 ปีนี้บริษัทเน้นรักษากระแสเงินสด และเร่งชำระหนี้คืน

ขณะที่โบรกเกอร์บางรายปรับมุมมองให้"ถือ"เพราะมองว่าเงินบาทแข็งค่าจะทำให้ลดทอนความสามารถทำกำไร และอัตราผลตอบแทนจากการเงินปันผลลดลง จากที่บริษัทลดการจ่ายเงินปันผลลงตามเงื่อนไขเงินกู้ และยังมีความเสี่ยงที่จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกหลังการควบรวมกิจการ MWB ในช่วงสั้นนี้

          โบรกเกอร์          คำแนะนำ          ราคาเป้าหมาย(บาท)
          บล.เอเซียพลัส        ซื้อ                77.00
          บล.ซิกโก้            ซื้อ                73.00
          บล.กสิกรไทย         ซื้อ                70.50
          บล.กิมเอ็ง           ซื้อ                70.00
          บล.ดีบีเอสฯ          ซื้อ                68.00
          บล.ทิสโก้            ซื้อ                61.00
          บล.เคจีไอ           ถือ                58.00
          บล.ธนชาต           ถือ                57.00

นักวิเคราะห์จาก บล.เอเซียพลัส มองว่า หลังการรวมกิจการ MWB จะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นของ TUF ปรับเพิ่มขึ้น โดยปีหน้าคาดว่าจะเพิ่มอีก 1% เป็น 16% จากปีนี้ที่คาดว่าจะทำได้ 15% เพราะสินค้าของ MWB มีมาร์จิ้นสูงราคาขายได้สูงกว่าเพราะมีแบรนด์เป็นของตัวเอง และต้นทุนปลาทูน่าถูกกว่า คาดว่าภายใน 3 ปีนี้อัตรากำไรขั้นต้นจะปรับขึ้นไปถึง 17.5-18%

ดังนั้น คาดว่ากำไรสุทธิปี 54 ประมาณการที่ 4.3 พันล้านบาท จากปี 53 ที่คาดว่ามีกำไร 3.4 พันล้านบาท ซึ่งในปีนี้มองว่ากำไรไม่เติบโต เพราะมีค่าใช้จ่ายในการควบรวมกิจการไม่เกิน 100 ล้านบาท และรับรู้รายได้จาก MWB เพียง 2 เดือน ทั้งนี้ คาดว่าใน 3 ปีนี้(ปี 54-56)จะมีกำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ยปีละ 19%

ส่วนภาระดอกเบี้ยจ่ายและการปรับลดการจ่ายเงินปันผลเป็นที่รับทราบอยู่แล้ว

"เรามองว่าเป็นจังหวะเข้าซื้อในราคาตลาดที่ 53 บาท เป็นราคาที่ถูก เทียบกับราคาที่ขายนักลงทุน PP ที่ขายไปหลายเดือนแล้วที่ราคา 53 บาท เราค่อนข้างมั่นใจ Earning Growth แน่นอน และ EPS จะเติบโต คาดว่าปีหน้า โต 19% เรามอง เป็น Positive growth" นักวิเคราะห์ เอเซียพลัส กล่าว

บล.กิมเอ็ง ยังคงมีมุมมองบวกต่อ TUF ในการเข้าซื้อ MWB โดยมีการปรับเพิ่มประมาณการเบื้องต้นเพื่อสะท้อนถึงการกู้ยืมเงินซึ่งน้อยกว่าที่คาด ผลกระทบจากการรวม MWB จะเห็นชัดเจนในปีหน้าในแง่ของยอดขายและความสามารถในการทำกำไรที่สูงขึ้น โดยคาดว่า EBITDA margin จะเพิ่มจาก 9% เป็น 11% แม้ดอกเบี้ยจ่ายจะสูงขึ้นมากแต่กำไรสุทธิคาดว่าจะเติบโตถึง 37% เป็น 4,979 ล้านบาท ราคาเหมาะสมของ TUF เท่ากับ 70 บาทซึ่งประเมินจาก PER ที่ 14 เท่า แนะนำ ซื้อ

ด้านนักวิเคราะห์จาก บล.เคจีไอ กลับมองว่า ในระยะสั้น ช่วงไตรมาส 4/53 และไตรมาส 1/54 กำไรของ TUF จะได้รับผลกระทบจากการค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการควบรวมกิจการ MWB โดยปีหน้าคาดว่ากำไรอาจจะได้รับผลกระทบจากการเสียภาษีสูงขึ้น เนื่องจากภาษีในยุโรปสูงกว่าในไทย ซึ่งธุรกิจอาหารในไทยไม่ต้องเสียภาษี

และไตรมาส 4/53 ที่เคยระบุว่าจะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุด ขณะนี้ไม่ได้เป็นเช่นนั้นแล้ว เพราะต้องมีค่าใช้จ่ายในการเข้าซื้อกิจการ MWB จำนวน 100 ล้านบาท และเงินปันผลที่จะได้รับลดลง โดยครึ่งหลังปี 53 จะไม่ได้รับเงินปันผลอีก

รวมทั้งเงินบาทแข็งค่าส่งผลความสามารถทำกำไรด้วย โดยประเมินว่าในปี 54 เงินบาทจะอยู่ที่ 27.80 บาท/ดอลลาร์ จากเดิมคาดไว้ที่ 29.80 บาท/ดอลลาร์ ทำให้ประมาณการกำไรสุทธิปี 53 ใหม่เป็น 3.3 พันล้านบาท ลดลงจากเดิม 12.8% และในปี 54 คาดกำไรสุทธิ 4 พันล้านบาท ลดลงจากเดิม 10%

"เราเห็นความเสี่ยงจากค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นอีกจากการซื้อกิกจาร เช่น ค่านิยม(good will) ถ้าจะซื้อรอไปเป็นปีหน้าดีกว่า คิดว่ารออ่อนตัวแล้วค่อยไปซื้อ เพราะในช่วงสั้นคิดว่างบการเงินจะกระทบ แต่ในระยะยาวบริษัทมีแนวโน้มดี"นักวิเคราะห์ กล่าว

ทั้งนี้ บล.เคจีไอได้ปรับราคาเป้าหมายลงจากเดิม 80 บาท มาอยู่ที่ 58 บาท


แท็ก (TUF)  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ