นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ รองประธานกรรมการ บริษัท วายแอลจี บูลเลียน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ามูลค่าการซื้อขายทองคำแท่งในปี 54 ไว้ประมาณ 300 ตัน หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 25% ภายใต้แผนการดำเนินงานเชิงรุก เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ทองคำ และการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่คือโลหะเงิน เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับนักลงทุนเพิ่มขึ้น
จากการประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในปี 54 อยู่ระหว่าง 1,200-1,650 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และภายในไตรมาส 2 จะเห็นราคาทองขึ้นไปแตะ 1,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่เนื่องจากราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมากในปี 53 อาจส่งผลราคาทองคำมีความผันผวนมากขึ้น ดังนั้น จึงแนะนำให้นักลงทุนใช้ความระมัดระวังสำหรับการลงทุนให้มากขึ้นในปี 54 ส่วนราคาทองคำภายในประเทศยังคงได้รับแรงกดดันจากค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น
อย่างไรก็ตาม คาดว่าราคาทองคำเฉลี่ยทั้งปีจะยืนอยู่เหนือ 20,000 บาท/บาททองคำในปีหน้า ราคาทองคำจะยังรักษาแนวโน้มขาขึ้นเอาไว้ได้ โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐ ปัญหาหนี้สินในยุโรป การคาดการณ์เงินเฟ้อในอนาคต จากการที่ประเทศต่างๆได้พยายามกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการอัดฉีดเงินเป็นจำนวนมหาศาลพร้อมๆกันทำให้ปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจมีอยู่ค่อนข้างมากส่งผลให้เกิดสภาพคล่องส่วนเกิน อาทิ จีน ตลอดจนการเพิ่มขึ้นของความต้องการทองคำของจีนและอินเดีย
สำหรับในปีนี้ธุรกิจทองคำแท่ง คาดว่ายอดการส่งออกและนำเข้าทองคำแท่งสิ้นปีจะอยู่ที่ประมาณ 244 ตัน โดยยังสามารถรักษาความเป็นผู้นำอันดับ 1 ธุรกิจทองคำแท่งไว้ได้ จากที่ตั้งเป้าเมื่อต้นปีว่ามียอดเทรดประมาณ 200 ตัน
ด้านนางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลียน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เปิดเผยว่า ปี 54 บริษัทฯ ตั้งเป้าขยายตัวประมาณ 20% เนื่องจากมองว่าธุรกิจโกลด์ฟิวเจอร์สยังมีโอกาสขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เพราะตลาดโกลด์ฟิวเจอร์สต้องมีอัตราการเติบโตประมาณ 10 เท่าของตลาดอนุพันธ์แต่ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 3 เท่า ประกอบกับ ในปีหน้าจะมีการขยายเวลาซื้อขายจนถึงเวลา 22.30 น. รวมถึงผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ อาทิ Silver และ ETF ทองคำ
การแข่งขันธุรกิจในปีหน้าจะยังคงรุนแรงเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา ในส่วนของวายแอลจีจะใช้กลยุทธ์ทุกรูปแบบทั้งการทำตลาดที่เน้นการให้ความรู้ความเข้าใจแก่ลูกค้าใหม่ การสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการออกรูปแบบการลงทุน หรือการบริการใหม่ๆที่ให้ลูกค้าสะดวกมากขึ้น ซึ่งเป็นการสานต่อแคมเปญ “คุณได้มากกว่าที่ YLG" ที่ได้ออกมาในปีนี้ รวมทั้งการทำ Branding เพื่อให้ลูกค้าเป้าหมายรู้จักมากขึ้น
ผลการดำเนินงานในปีนี้มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยประมาณ 12,000 สัญญาต่อเดือน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดจำนวน 16% ถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 15% ขณะที่มีปริมาณลูกค้า 1,500 ราย เพิ่มขึ้นใหม่ประมาณ 800 ราย ความสำเร็จดังกล่าวส่วนหนึ่งมาจากการเพิ่มขึ้นของทีมงาน การเทรดโกลด์ฟิวเจอร์ส การเปิดให้บริการมินิโกลด์ฟิวเจอร์ส รวมทั้งการจัดกิจกรรมตลอดทั้งปีอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการให้ข่าวสารที่แม่นยำและรวดเร็ว