นายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บล. คันทรี่ กรุ๊ป(CGS)กล่าวว่า ในปีหน้าบริษัทจะหันมาให้ความสำคัญกับงานด้านวาณิชธนกิจ โดยเฉพาะการเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทจดทะเบียนในการกระจายหุ้น(IPO) เนื่องจากมองว่าโอกาสของการทำ IPO ยังเติบโตต่อเนื่องจากปีนี้ โดยจะเห็นจากหลายบริษัทหลักทรัพย์ที่มุ่งกลับมาทำ IPO อีกครั้ง รวมถึงการเป็นที่ปรึกษาการเงินในด้านอื่นๆ เช่น การออกหุ้น PO หรือ PP ให้กับบริษัทต่างๆ ในปีหน้าจะมีจำนวนมากขึ้น
"ปีหน้าการที่บริษัทหันมามุ่งเน้นการทำ IPO จะช่วยเอื้อประโยชน์ให้กับนักลงทุนที่เปิดบัญชีกับ CGS จะได้รับสิทธิพิเศษการจองซื้อหุ้น" นายประสิทธิ์ กล่าว
นายประสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทมีดีล IPO ในมือแล้ว 3 ดีล ซึ่งเป็นบริษัทขนาดกลาง โดยจะผลักดันให้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปี 54 โดยมองว่าภาวะตลาดยังคงดีต่อเนื่องจากปีนี้ ดัชนี SET น่าจะขึ้นไปถึง 1,200 จุด
สำหรับผลประกอบการในปีนี้ นายประสิทธิ์ เชื่อว่าจะออกมาดีกว่าปีก่อน เนื่องจากช่วง 9 เดือนแรกบริษัทมีกำไรแล้วกว่า 100 ล้านบาท ขณะที่บริษัทมีนโยบายจะจ่ายปันผลไม่น้อยกว่า 60% ของกำไรสุทธิ และในปี 54 ผลประกอบการของบริษัทยังน่าจะดีต่อเนื่อง จากปัจจุบัน มีมาร์เก็ตแชร์อยู่อันดับ 2 ที่ 6% และพยายามจะเพิ่มมาร์เก็ตแชร์ขึ้น รวมทั้งหาพันธมิตรเพื่อรองรับการเปิดเสรีค่าคอมมิชชั่นในปี 55 รวมถึงเตรียมความพร้อมด้านอื่นๆ เช่น ระบบคอมพิวเตอร์ ความพร้อมด้านการขยายกลุ่มนักลงทุนจากเดิมที่เน้นนักลงทุนรายบุคคล
พอร์ตการลงทุนของบริษัทในปี 53 ผลตอบแทนถือว่าทะลุเป้าที่บริษัทตั้งไว้ แต่ไม่สามารถเปิดเผยเป็นเปอร์เซ็นต์ได้ โดยมูลค่าพอร์ตลงทุน prop trade มีมูลค่า 1 พันล้านบาท โดยมีวงเงินแบบ overnight อยู่ที่ 125 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาตลอดระยะเวลา 11 เดือนมีกำไรทุกเดือน มองว่าปีหน้าตลาดหุ้นยังดี ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนโดยรวมน่าจะเติบโต 10-15% โดยหุ้นกลุ่มพลังงานและเบงก์ยังเป็นกลุ่มที่น่าสนใจ
การเปิดเสรีค่าคอมมิชชั่นในปี 55 เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้หุ้นหลักทรัพย์ไม่ปรับเพิ่มขึ้นมากนักเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่น เนื่องจากมีความกังวลถึงผลกระทบ เพราะที่ผ่านมาเกิดปัญหาการแข่งขันสูง และมีการคิดค่าคอมมิชชั่นที่ 0% ทำให้อุตสาหกรรมหลักทรัพย์เกิดวิกฤติ นักลงทุนก็ยังรอดูทิศทางที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
นายประสิทธิ์ กล่าวว่า บริษัทเชื่อว่าจะมีความสามารถในการแข่งขันแม้ว่าจะไม่มีบริษัทแม่เป็นธนาคารพาณิชย์ แต่ก็มีสาขาถึง 50 สาขา ซึ่งสูงที่สุดในธุรกิจ ซึ่งมากกว่าบริษัทหลักทรัพย์ที่มีมาร์เก็ตแชร์เป็นดันดับ 1 และสาขาของบริษัทก็เป็นสาขาที่ดี มีคุณภาพ สามารถแข่งขันได้
ส่วนการหาพาร์ทเนอร์ต่างประเทศเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัท นายประสิทธิ์ กล่าวว่า แม้ที่ผ่านมายังไม่ประสบความสำเร็จ แต่ล่าสุดได้มีการเจรจากับบริษัทต่างประเทศรายหนึ่งในการร่วมเป็นพันธมิตรเชิงธุรกิจ แม้ว่าจะเป็นแค่การร่วมมือกัน ไม่ใช้การเข้ามาถือหุ้น แต่หากมีความสำเร็จจะส่งผลดีต่อบริษัท