ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (22 ธ.ค.) ขานรับกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ปรับเพิ่มการประมาณการตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 และยอดขายบ้านมือสองที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือนพ.ย. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 26.33 จุด หรือ 0.23% ปิดที่ 11,559.49 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 4.24 จุด หรือ 0.34% ปิดที่ 1,258.84 จุด และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 3.87 จุด หรือ 0.15% ปิดที่ 2,671.48 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 3.6 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 1 ต่อ 3
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยการประมาณการตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 ครั้งสุดท้าย โดยระบุว่าจีดีพีไตรมาส 3 ขยายตัว 2.6% ต่อปี เพิ่มขึ้นจากการประมาณการครั้งก่อนที่ระดับ 2.5% ต่อปี หลังจากภาคเอกชนปรับเพิ่มสต็อกสินค้ามูลค่า 1.214 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งการเพิ่มสต็อกสินค้าในภาคเอกชนมีส่วนช่วยหนุนจีดีพีไตรมาส 3 ขยายตัวราว 1.61%
แม้จีดีพีไตรมาส 3 อยู่ในระดับต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยายตัว 2.8% แต่ก็มีสัญญาณบ่งชี้ว่า จีดีพีสหรัฐจะขยายตัวรวดเร็วขึ้นในไตรมาส 4 และมีแนวโน้มว่าจะขยายตัวต่อเนื่องไปจนถึงปี 2554 หลังจากรัฐบาลสหรัฐตัดสินใจขยายระยะเวลาการลดหย่อนภาษีของผู้มีรายได้ทุกระดับชั้นออกไปอีก 2 ปี พร้อมกับขยายระยะเวลาการให้สวัสดิการแก่ประชาชนที่ว่างงานหลายล้านคนออกไปอีก 13 เดือน โดยมาตรการลดหย่อนภาษีมีมูลค่ารวม 8.58 แสนล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับรายงานของสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติที่ระบุว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 5.6% แตะที่ระดับ 4.68 ล้านหลัง จากเดือนต.ค.ที่ระดับ 4.43 ล้านหลัง อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ของแฟคเซ็ทคาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 4.75 ล้านหลัง
หุ้นกลุ่มการเงินดีดตัวขึ้นแข็งแกร่ง เพราะได้แรงหนุนจากข่าวควบรวมกิจการในภาคธนาคาร นำโดยหุ้นแบงค์ ออฟ อเมริกา ปิดบวก 3.1% ส่วนดัชนี KBW หุ้นกลุ่มธนาคารภูมิภาคพุ่งขึ้น 3.7%
หุ้นฮิวเล็ตต์-แพคการ์ด ปิดลบ 1% หุ้นวอลกรีนซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจร้านจำหน่ายยารายใหญ่ของสหรัฐ ปิดบวก 5.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้พุ่งขึ้น 18.8% ในเดือนที่ผ่านมา ขณะที่หุ้นไนกี้ อิงค์ ปิดลบ 5.3% แม้บริษัทเปิดเผยรายได้ที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ก็ตาม
นักวิเคราะห์ในตลาดวอลล์สตรีทกล่าวว่า เดือนธ.ค.ถือเป็นหนึ่งในเดือนที่นักลงทุนเข้าเทรดกันมากที่สุด โดยดัชนี S&P 500 ทะยานขึ้นไปแล้ว 6.6% ในเดือนธ.ค. ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นโดยรวม 5%
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศขยายการทำข้อตกลงสว็อปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐกับธนาครกลางแคนาดา ธนาคารกลางอังกฤษ ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ธนาคารกลางญี่ปุ่น และธนาคารกลางสวิส ออกไปจนถึงเดือนส.ค.2554 โดยมีเป้าหมายที่จะรับมือกับภาวะตึงตัวในตลาดการเงินในยุโรป อันเป็นผลมาจากวิกฤตหนี้สาธารณะ และเพื่อรักษาเสถียรภาพด้านการเงินทั่วโลก
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เฟดได้กลับมาจัดตั้งกองทุนสว็อปค่าเงินอีกครั้งหลังจากที่เคยดำเนินการในช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์การเงินโลกปี 2551-2552 ซึ่งข้อตกลงที่เฟดทำร่วมกับธนาคารกลางทั้ง 5 กำหนดว่า เฟดจะต้องอัดฉีดเงินกู้เข้าสู่ตลาดการเงินของประเทศเหล่านี้ด้วยอัตราดอกเบี้ยคงที่ ซึ่งเหมือนกับที่เคยดำเนินการเมื่อปี 2551-2552
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในวันพฤหัสบดี โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยรายได้ส่วนบุคคลเดือนพ.ย. ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย. และยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย. ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
*ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะปิดทำการในวันศุกร์ที่ 24 ธ.ค.นี้เนื่องในวันคริสต์มาส