บมจ.ไทยสโตเรจ แบตเตอรี่ (BAT-3K) คาดรายได้ในปี 54 มีโอกาสเพิ่มขึ้นไปถึง 5 พันล้านบาท จากปี 53 ที่คาดว่าจะมีรายได้ 4.5 พันล้านบาทตามเป้า แต่ยอมรับปีนี้มีกำไรลดลง เนื่องจากในไตรมาส 2/53 เกิดผลขาดทุนจากปัญหาวัตถุดิบตะกั่วขาดช่วง และต้นทุนสูงขึ้น ขณะที่ปีหน้ามีสิทธิขอปรับขึ้นราคาขายอีก 8-10% หากต้นทุนราคาตะกั่วสูงไปถึง 2,500 เหรียญ/ตัน
"ปี 53 กำไรสุทธิจะน้อยกว่าปี 52 เพราะช่วงไตรมาส 2 มีผลขาดทุน สืบเนื่องจากปัญหาไฟไหม้โรงงานของซัพพลายเออร์ ทำให้เราส่งมอบสินค้าล่าช้าไปด้วย และเกิดปัญหาราคาตะกั่วที่เป็นวัตถุดิบหลักปรับตัวสูงขึ้นกว่าราคาขายที่รับออเดอร์จากลูกค้า" นายวีรวัฒน์ ขอไพบูลย์ กรรมการ BAT-3K กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาส 4/53 คาดว่าผลประกอบการจะดีกว่าไตรมาส 3/53 เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่น และมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เป็นแบตเตอรี่คุณภาพสูง ซึ่งถือว่าทำตลาดได้ดีมาก โดยมียอดขายสูงถึง 3 หมื่นลูก/เดือน หลังจากเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เมื่อ ต.ค. 53 ที่ผ่านมา
ประกอบกับ ปีหน้าบริษัทคาดว่าจากเศรษฐกิจจะเติบโตดีขึ้น และคาดหวังว่าจะทำการตลาดเต็มที่สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ บริษัทเชื่อว่าแบตเตอรี่รุ่นใหม่ดังกล่าวจะได้รับความนิยมในต่างประเทศ ปัจจุบัน สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเท่ากับ 50% และในประเทศ 50%
นายวีรวัฒน์ กล่าวว่า งบการตลาดปี 54 ได้ตั้งไว้ 80 ล้านบาทสูงกว่าปี 53 ที่วางไว้ 60 ล้านบาท เนื่องจากจะเพิ่มการทำการตลาดผลิตภัณฑ์ใหม่ ส่วนงบลงทุนปีหน้าจะมีไม่มาก เพราะไม่ต้องขยายกำลังการผลิตเพิ่มเติม
ส่วนแผนการผลิตปีหน้า บริษัทคาดว่าจะผลิต 3.7 แสนลูก/เดือน ซึ่งเป็นกำลังการผลิตสูงสุดที่สามารถผลิตได้ จากปีนี้ที่ใช้กำลังการผลิต 3.5 แสนลูก/เดือน
นายวีรวัฒน์ กล่าวว่า ในปี 54 บริษัทอาจจะปรับขึ้นราคาขายตามราคาวัตถุดิบ ประมาณ 8-10% หากราคาตะกั่วยืนเหนือระดับ 2,500 เหรียญ/ตัน จากปีนี้ราคาอยู่ในช่วง 2,300-2,500 เหรียญ/ตัน