นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ตนเองและครอบครัวได้ตัดสินใจซื้อหุ้นของ SAMART คืนจากกลุ่ม AXIATA หรือเดิมคือ เทเลเคอมมาเลเซีย จำนวนทั้งสิ้น 185,269,420 หุ้นคิดเป็น 18.9% ของหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมด
ข้อตกลงในการซื้อขายหุ้นครั้งนี้ จะไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างกลุ่มสามารถและกลุ่ม AXIATA อย่างแน่นอน อีกทั้งกลุ่ม AXIATA ยังคงถือหุ้นในกลุ่ม บมจ.สามารถไอ-โมบาย(SIM) จำนวน 24.4% และพร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการแสวงหาโอกาสทางธุรกิจร่วมกันอย่างต่อเนื่อง
ส่วนที่มาของข้อตกลงการซื้อขายหุ้นครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากกลุ่ม AXIATA มีนโยบายมุ่งเน้นการขยายธุรกิจใน Core Business นั่นคือ Mobile Communications Business เป็นหลัก ในขณะที่ บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น กำลังมีการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ครอบคลุมทางด้านเทคโนโลยีที่หลากหลาย ไ ม่จำกัดอยู่เฉพาะด้าน Telecom หรือ Mobile ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องไปกับวิสัยทัศน์ที่วางไว้ คือ การเป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของไทย
นายวัฒน์ชัย กล่าวว่า AXIATA มิได้เป็นเพียงแค่ผู้ถือหุ้น แต่เป็น Business Partner ที่ดีเยี่ยม เพราะกว่า 10 ปีที่ผ่านมา เราได้เรียนรู้และได้ประสบการณ์มากมายจากการทำงานร่วมกัน โดยปัจจุบันกลุ่ม AXIATA ยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ SIM จำนวน 24.4%ของหุ้นที่จำหน่ายได้ ดังนั้น จึงเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรทั้งสองจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง และจะมีโครงการความร่วมมือทางธุรกิจตามมาอีกมากมาย
ส่วนกลุ่ม SAMART จะมีความคล่องตัวในการขยายธุรกิจใหม่ๆทางด้านเทคโนโลยีมากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ เช่น ธุรกิจทางด้านบริการสาธารณะและโครงการพื้นฐาน ซึ่งบริษัทฯ มีความสนใจและเล็งเห็นถึงโอกาสการเติบโตทางธุรกิจที่ชัดเจน โดยผลจากความคล่องตัวในการบริหารงานที่สูงขึ้น ย่อมส่งผลดีต่อการดำเนินธุรกิจและผลตอบแทนสู่ผู้ถือหุ้น
นายวัฒน์ชัย กล่าวว่า การเข้าซื้อหุ้นคืนครั้งนี้จึงเปรียบเสมือนการลงทุนระยะยาว ซึ่งก็เป็นการสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของผมและครอบครัวที่มีต่ออนาคตการเติบโตทางธุรกิจของกลุ่มสามารถฯ โดยหลังการซื้อขายหุ้น ครอบครัววิไลลักษณ์จะถือครองหุ้นใน SAMART รวม 512,244,370 หุ้น คิดเป็น 53.12% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด
อนึ่ง กลุ่ม AXIATA หรือ Telecom Malaysia เดิม ได้เข้าถือหุ้น SAMART ตั้งแต่ปี 40 และถือหุ้นใน SIM ตั้งแต่ปี 49