โบรกเกอร์ ส่วนใหญ่แนะ"ซื้อ" หุ้นบมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์(DELTA)คาดปีหน้ายอดขายและกำไรสุทธิจะยังเติบโตต่อเนื่องจากปี 53 แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากบาทแข็งค่าขึ้นก็ทำให้ยอดขายรูปเงินบาทโตลดลง ตามแต่ยอดขายในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐก็ยังเติบโต 2 หลัก และกระทบต่ออัตรากำไรขั้นต้นลง 1-2% ยังอยู่ในระดับที่ดีที่ระดับ 27-28% เพราะบริษัทเน้นเจาะสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง
ประมาณการในปี 54 จะเห็นกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ที่ระดับ 4.6-5.3 พันล้านบาท จากปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ระดับ 4.0-4.3 พันล้านบาท
อีกทั้ง ราคาเทรดในกระดานยังมี P/E ต่ำ จึงเห็นว่าเป็นจังหวะน่าเข้าซื้อ และยังมี upside อยู่
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท) บล.ทรีนิตี้ ซื้อ 42.00 บล.เคจีไอ ซื้อ 40.60 บล.ดีบีเอสฯ ซื้อ 40.00 บล.กสิกรไทย ซื้อ 38.00 บล.เกียรตินาคิน ถือ 38.00 บล.เอเซียพลัส ถือ 37.60
น.ส.จันทร์เพ็ญ ศิริธนารัตนกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส แนะนำ"ซื้อ"หุ้น DELTA เนื่องจากในปี 54 ยอดขายและกำไรยังเติบโตต่อเนื่องจากปี 53 ที่เติบโตก้าวกระโดด แม้อัตราการเติบโตจะไม่สูงเหมือนปี 53 เพราะมีฐานจากปีนี้ใหญ่ขึ้น และคาดว่าปีหน้าอัตรากำไรขั้นต้น(มาร์จิ้น)จะปรับลดลง 27% จากปีนี้อยู่ที่ 28% สาเหตุจากเงินบาทแข็งค่าขึ้นแต่ถือว่ายังสามารถรักษามาร์จิ้นได้ในระดับที่ดี
ปี 54 คาดว่ายอดขายในรูปดอลลาร์สหรัฐจะเติบโต 15% เป็น 1,215 ล้านเหรียญ จากปีนี้ยอดขายอยู่ที่ 1,051 ล้านเหรียญ และเมื่อคิดในรูปเงินบาทยอดขายจะเติบโตเพียง 7% เป็น 3.5 หมื่นล้านบาท จากปี 53 มียอดขาย 3.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งประเมินว่าค่าเงินบาทในปี 54 จะเฉลี่ยอยู่ที่ 29.50 บาท/ดอลลาร์ จากปีนี้ 31.80 บาท/ดอลลาร์
ส่วนกำไรสุทธิ เติบโต 2% เป็น 4,500 ล้านบาทในปี 54 จากปี 53 ที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิที่ 4,376 ล้านบาท
"DELTA ยังโตต่อเนื่องทั้งยอดขายรูปเงินบาทและดอลลาร์ และกำไรถือว่าสูง จากเมื่อก่อนอยู่ระดับ 2 พันล้านบาท มาปีนี้สูงขึ้นมาเป็นระดับ 4 พันล้านบาท และปีหน้าถึงจะโตไม่มากแต่ก็อยู่ที่ 4.5 พันล้านบาท และ valuation ไม่แพงมาก Net cash มีอยู่มาก ฐานะการเงินแข็งแกร่ง ก็ยังแนะนำ"ซื้อ"อยู่"น.ส.จันทร์เพ็ญ กล่าว
ด้านนักวิเคราะห์จาก บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)คาดว่า กำไรสุทธิในปี 54 ของ DELTA จะทำนิวไฮที่ระดับ 4.6 พันล้านบาท ซึ่งเป็นประมาณการที่บริษัทได้ปรับลดลดงเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าใหม่ของบริษัท และมาร์จิ้นลดลง แต่ชดเชยด้วยอดขายที่สูงขึ้น
"ปี 54 จะเป็น Good year ของเขา เราปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย โดยเพิ่ม P/E เป็น 11 เท่า ซึ่งช่วงก่อนหน้านี้เคยเทรด P/E 12.5 เท่า ...ตอนนี้เทรดกันอยู่ P/E 9 เท่า คิดว่ายังน่าซื้อ ยังมี upside" นักวิเคราะห์ กล่าว
ทั้งนี้ บล.เคจีไอ ได้ปรับราคาเป้าหมายใหม่ในปี 54 ที่ 40.60 บาท จากเดิมให้ราคาเป้าหมายที่ 38.00 บาท โดยบริษัทตั้งเป้าหมายแบบ conservative ซึ่งบล.เคจีไอเห็นว่าอาจจะสูงกว่าเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้ โดยบริษัทคาดว่ายอดขายจะอยู่ที่ 1.3 พันล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 18.2% จากปีก่อน ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นจะลดลงมาเหลือ 27% จาก 29% ในปีนี้ จากผลกระทบของปัญหาค่าเงินบาทแข็งตัว
ส่วนบทวิเคราะห์ของ บล.ทรีนิตี้ คาดรายได้ปีหน้าของ DELTA จะอยู่ที่ 1.3-1.4 พันล้านเหรียญ เติบโต 20% จากปี 53 โดย Driver หลักๆ มาจากธุรกิจ Solar Inverter ทั้งในอินเดียและยุโรป และยังคาดว่าธุรกิจในอินเดียทั้ง Telecom, Display, และ Electronic part ในรถยนต์ จะเป็น Driver สำคัญสำหรับการเติบโตของรายได้ในปี 54 ด้วย
ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นน่าจะปรับตัวลงเล็กน้อยจากปี 53 ที่อยู่ที่ 27-28% เหลือ 26-27% เนื่องจากผลกระทบจากการแข็งค่าของค่าเงินบาทเป็นหลัก โดย DELTA มีสัดส่วนรายได้และต้นทุนที่เป็น Natural Hedge อยู่ประมาณ 70% ส่วนที่เหลืออาจมีการใช้เครื่องมือทางการเงินเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากค่าเงิน
สำหรับปีหน้า คาดกำไรยังคงเติบโตต่อเนื่องที่ระดับ 5.3 พันล้านบาท เติบโต 6% และคาดเงินปันผลสูงที่ 3.3 บาท/หุ้นคิดเป็น Dividend yield ที่ 9.4%
อย่างไรก็ดี บล.เอเซียพลัส ปรับลดประมาณการ และ Fair value ปี 54 ของหุ้น DELTA ลงเหลือ 37.60 บาท จากเดิม 39.00 บาท และคาดการณ์การเติบโตของกำไรสุทธิในปี 54 เติบโตเพียง 4.2% yoy ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตmujต่ำกว่าที่ฝ่ายวิจัยคาดไว้เดิม เพราะยอดขายในกลุ่มที่มีมาร์จิ้นสูงลดลง เช่น กลุ่ม Solar Inverter, ยอดขายในกลุ่ม Power System ที่อยู่ในอุตสาหกรรม Telecom ในประเทศอินเดีย