บมจ.ทีทีแอนด์ที(TT&T) ชี้แจงรายละเอียดของแผนฟื้นฟูกิจการที่ได้รับความเห็นชอบจากศางล้มละลายกลางในวันนี้ว่า สาระสำคัญของแผน เป็นการจัดสรรภาระหนี้ตามคำขอรับชำระหนี้เทียบกับสินทรัพย์ของบริษัท จำนวนประมาณ 26,775 ล้านบาท ประกอบด้วย เงินต้น 25,651 ล้านบาท ดอกเบี้ยค้างชำระและค่าใช้จ่ายอื่นๆ 1,124 ล้านบาท
เปรียบเทียบกับที่เจ้าหนี้ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้รวมดอกเบี้ยนับถึงวันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2551 จำนวนประมาณ 61,134 ล้านบาท ประกอบด้วย เงินต้น 52,957 ล้านบาท ดอกเบี้ยค้างชำระและค่าใช้จ่ายอื่นๆ 8,177 ล้านบาท ทั้งนี้ จำนวนหนี้และสิทธิในการรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้แต่ละรายอาจมีการเปลี่ยนแปลงจนกว่าจะมีคำสั่งถึงที่สุดให้ได้รับชำระหนี้
แผนปรับโครงสร้างหนี้ดังกล่าว ได้จัดแบ่งเจ้าหนี้ตามลักษณะของมูลหนี้ออกเป็น 10 กลุ่ม โดยมีเงื่อนไขการชำระหนี้ดังต่อไปนี้ 1)เจ้าหนี้กลุ่ม 1 เป็นเจ้าหนี้มีประกันซึ่งมีสิทธิเหนือสัญญาจำนำหุ้นของบริษัทในเครือจำนวน 49,999.64 บาท จะได้รับชำระคืนเงินต้นเต็มทั้งจำนวนตามคำขอรับชำระหนี้และมีคำสั่งถึงที่สุดให้ได้รับชำระหนี้ภายใน 15 วันนับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผน
2)เจ้าหนี้กลุ่ม 2 เป็นเจ้าหนี้ไม่มีประกันประเภทเจ้าหนี้กลุ่ม ก ที่มีสิทธิได้รับชำระหนี้หรือได้รับประโยชน์จากเงินฝากที่มีการโอนสิทธิเรียกร้อง ประกอบด้วย เงินต้นจำนวน 11,355,783,375.35 บาท และดอกเบี้ยคงค้างและค่าธรรมเนียมจำนวน 670,215,418.75 บาท จะได้ชำระคืนเงินต้น 5% ของจำนวนตามคำขอรับชำระหนี้และมีคำสั่งถึงที่สุดภายใน 15 วันนับแต่วันที่ศาลฯมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผน
และ ชำระคืนเงินต้นจัดสรรจำนวน 95% เป็นรายไตรมาสภายใน 7 ปี เริ่มจากไตรมาส 1/54 เป็นต้นไป, ชำระดอกเบี้ยในอัตรา 3% ต่อปีของมูลหนี้จัดสรรจำนวน 95% ดังกล่าว นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผน ส่วนดอกเบี้ยคงค้างทั้งจำนวนจะถูกแปลงเป็นทุนที่ราคา 1 บาทต่อหุ้น (ราคาที่ตราไว้ ภายหลังการปรับราคาที่ตราไว้ลงจาก 10 บาทต่อหุ้น)
3) เจ้าหนี้กลุ่ม 3 เป็นเจ้าหนี้ไม่มีประกันประเภทเจ้าหนี้กลุ่ม ข ที่มีสิทธิได้รับชำระหนี้หรือได้รับประโยชน์จากเงินฝากที่มีการโอนสิทธิเรียกร้อง ประกอบด้วย เงินต้นจำนวน 5,156,199,546.34 บาท และดอกเบี้ยคงค้างและค่าธรรมเนียมจำนวน 245,497,311.35 บาท ซึ่งจะได้รับชำระคืนเงินต้น 5% ของจำนวนตามคำขอรับชำระหนี้และมีคำสั่งถึงที่สุดให้ได้รับชำระหนี้ภายใน 15 วันฯ,
ได้รับชำระคืนเงินต้นจัดสรรจำนวน 45% เป็นรายไตรมาสภายใน 1 ปี เริ่มจากไตรมาส 4/60 เป็นต้นไป โดยเจ้าหนี้สามารถใช้สิทธิแปลงหนี้เงินต้นจัดสรรที่ยังคงค้างชำระดังกล่าวเป็นทุนได้ที่ราคา 1 บาทต่อหุ้น ,ชำระดอกเบี้ยในอัตรา 1% ต่อปีของมูลหนี้จัดสรรจำนวน 45% ดังกล่าว นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผน, เงินต้นส่วนที่เหลืออีก 50% และดอกเบี้ยคงค้างทั้งจำนวนจะถูกแปลงเป็นทุนที่ราคา 1 บาทต่อหุ้น
4) เจ้าหนี้กลุ่ม 4 เป็นเจ้าหนี้ไม่มีประกันประเภทเจ้าหนี้กลุ่ม ค ที่มีสิทธิได้รับชำระหนี้หรือได้รับประโยชน์จากเงินฝากที่มีการโอนสิทธิเรียกร้อง ประกอบด้วย เงินต้นจำนวน 2,689,507,364.45 บาท และดอกเบี้ยคงค้างและค่าธรรมเนียมจำนวน 119,795,663.16 บาท, ชำระคืนเงินต้นจัดสรรจำนวน 40% เป็นรายไตรมาสภายใน 1 ปี เริ่มจากไตรมาส 4/61 เป็นต้นไปโดยเจ้าหนี้สามารถใช้สิทธิแปลงหนี้เงินต้นจัดสรรที่ยังคงค้างชำระดังกล่าวเป็นทุนได้ที่ราคา 1 บาทต่อหุ้น
ชำระดอกเบี้ยในอัตรา 0.1% ต่อปีของมูลหนี้จัดสรรจำนวน 40% ดังกล่าว โดยชำระเป็นรายปี นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผน, เงินต้นส่วนที่เหลืออีก 60% และดอกเบี้ยคงค้างทั้งจำนวนจะถูกแปลงเป็นทุนที่ราคา 1 บาทต่อหุ้น
5) เจ้าหนี้กลุ่ม 5 เป็นเจ้าหนี้ไม่มีประกันประเภทเจ้าหนี้ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามสัญญาสัมปทานหรือการแสวงหาประโยชน์จากเครือข่ายตามสัญญาที่เกี่ยวเนื่องกันและการค้าที่เกี่ยวเนื่องกับสัญญาดังกล่าว โดยแยกตามลักษณะมูลหนี้เป็น 3 ประเภท ดังนี้ มูลหนี้การค้าปกติตามสัญญาสัมปทาน ประกอบด้วย เงินต้นจำนวน 337,701,078.90 บาท และดอกเบี้ยคงค้างและค่าธรรมเนียมจำนวน 7,749,244.58 บาท
กำหนดการชำระหนี้ ดังนี้ ชำระคืนเงินต้น 5% ของจำนวนตามคำขอรับชำระหนี้และมีคำสั่งถึงที่สุดให้ได้รับชำระหนี้ภายใน 15 วันนับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผน, ชำระคืนเงินต้นจัดสรรจำนวน 20% เป็นรายไตรมาสภายใน 4 ปี เริ่มจากไตรมาส 1/54,ชำระดอกเบี้ยในอัตรา 3% ต่อปีเป็นรายเดือน ของมูลหนี้จัดสรรจำนวน 20% ดังกล่าวนับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผน,เงินต้นส่วนที่เหลืออีก 75% และดอกเบี้ยคงค้างทั้งจำนวนจะถูกแปลงเป็นทุนที่ราคา 1 บาทต่อหุ้น
ทั้งนี้ มูลหนี้ค่าใช้จ่ายตามหนังสือเรียกเก็บค่าขาดประโยชน์ ค่าเสียหาย มูลหนี้ที่อยู่ระหว่างการดำเนินคดี และอื่นๆ ประกอบด้วย เงินต้น 4,505,930,799.17 บาท และดอกเบี้ยคงค้างและค่าธรรมเนียมจำนวน 10,065,248.34 บาท ให้ชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยคงค้างโดยวิธีการหักชำระกับหนี้ที่เจ้าหนี้กลุ่มที่ 5 อาจต้องชำระให้แก่ลูกหนี้ภายใน 15 วันนับแต่วันที่ศาลปกครองมีคำสั่งถึงที่สุดให้เจ้าหนี้กลุ่ม 5 ชำระหนี้แก่ลูกหนี้ตามคำวินิจฉัยของอนุญาโตตุลาการในกรณีพิพาทเลขแดงที่ 74/2552 และ 18/2551 ก่อนไตรมาส 4/61
โดยหากยังคงมีมูลหนี้คงเหลือภายหลังการหักชำระหนี้ หรือกรณีหากศาลมีคำสั่งเพิกถอนคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการในกรณีพิพาทเลขแดงที่ 74/2552 และ 18/2551 ดังกล่าว ลูกหนี้จะชำระคืนเงินต้นจัดสรรจำนวน 40% ของภาระหนี้ที่คงเหลือภายหลังการหักชำระหนี้ในไตรมาส 4/61
ชำระดอกเบี้ยในอัตรา 0.10% ต่อปีของมูลหนี้จัดสรรจำนวน 40% ดังกล่าว นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผน และ เงินต้นส่วนที่เหลืออีก 60% และดอกเบี้ยคงค้างทั้งจำนวนจะถูกแปลงเป็นทุนที่ราคา 1 บาทต่อหุ้น
หากศาลปกครองมีคำสั่งถึงที่สุดภายหลังไตรมาส 4/61 เจ้าหนี้กลุ่ม 5 สามารถเลือกที่จะรอคำสั่งถึงที่สุดของศาลปกครองต่อไป หรือ จะรับชำระหนี้ในทันที และมูลหนี้อันเกิดจากการส่งมอบอุปกรณ์ในระบบเนื่องมาจากสัญญาสัมปทาน ซึ่งเป็นมูลหนี้กระทำการไม่ได้ชำระเป็นเงินสด โดยลูกหนี้จะส่งมอบอุปกรณ์ในระบบที่ถึงกำหนดส่งมอบภายใน 180 วันนับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผน ส่วนอุปกรณ์ในระบบที่ยังไม่ถึงกำหนดจะส่งมอบตามเงื่อนไขของสัญญาสัมปทาน
6) เจ้าหนี้กลุ่ม 6 เป็นเจ้าหนี้ไม่มีประกันประเภทเจ้าหนี้ค่าที่ปรึกษาทางกฎหมาย ประกอบด้วย เงินต้นจำนวน 14,522,056.55 บาท และดอกเบี้ยคงค้างและค่าธรรมเนียมจำนวน 616,613.60 บาท ทั้งนี้เจ้าหนี้ตกลงปลดภาระหนี้ ดอกเบี้ยระหว่างกาล ค่าใช้จ่าย ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องในทันทีเมื่อลูกหนี้ชำระหนี้ครบถ้วนตามเงื่อนไขของหนี้กลุ่ม 6 แล้ว