นายสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการ และกรรมการผู้จัดการ บมจ.อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น(ILINK) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ปีหน้ามีแผนชัดเจนที่จะรุกตลาดต่างประเทศแถบอินโดจีนทั้งลาว พม่า เวียดนาม และกัมพูชา ขณะที่ตลาดในประเทศเชื่อว่ายังมีการเติบโตขึ้น ซึ่งการเป็นบริษัทจดทะเบียนจำเป็นต้องเติบโตต่อเนื่อง จึงต้องมองหาตลาดใหม่ด้วย
"ถ้าขายดีรายได้ก็เข้ามาในปีหน้า ค่าใช้จ่ายไม่มากในการบุกตลาดต่างประเทศเพราะชื่อเสียง ILINK ในประเทศไทยเป็นเบอร์ 1 น่าจะเป็นตัวที่ทำให้เราโตต่อได้"นายสมบัติ กล่าว
บริษัทยังมีแผนงานที่ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในปีหน้า คือสายสัญญาณไฟเบอร์ออฟติกสำหรับกล้องวงจรปิดรุ่นใหม่นำเข้ามาจากสหรัฐฯ โดยมองว่าการยกเลิกพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน จะส่งผลดีต่อบริษัท เพราะจะมีการติดกล้องวงจรปิดเพื่อดูแลสอดส่องสถานการณ์บ้านเมืองให้เกิดความเรียบร้อย
นายสมบัติ กล่าวว่า สายสัญญาณที่บริษัทนำเข้ามาจะทำให้สามารถเดินสายติดตั้งกล้องวงจรปิดได้ไกลถึง 70 ก.ม.น่าจะเป็นโอกาสในการขายปีหน้า โดยเฉพาะตามแผนงานที่จะมีการเปิดตลาดใหม่ ลูกค้าหลัก คือ หน่วยงานราชการ องค์กรต่างๆ ซึ่งขณะนี้ลูกค้าเข้ามาเจรจาซื้อขายกับบริษัทบ้างแล้วแต่ยังไม่ได้ทำสัญญาอย่างจริงจัง และหากยิ่งมีการวางโครงข่ายเทคโนโลยี 3G ก็จะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทมากขึ้น เพราะเชื่อว่าจะต้องใช้สายสัญญาณของบริษัทแน่นอน
บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 54 ที่ 1,450 ล้านบาท เติบโต 20% จากปีนี้ มาจากงานขายส่ง(ดิสทริบิวชั่น)ที่ตั้งเป้าไว้ 1,000 ล้านบาท ที่เหลือเป็นรายได้จากงานวิศวกรรม เนื่องจากบริษัทเน้นการเติบโตค่อนข้างจะ conservative เพราะฉะนั้นปีหน้าคงจะไม่มีปัจจัยที่ส่งผลกระทบรุนแรง ยกเว้นมีเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง แต่ก็เชื่อว่าการเมืองไม่น่าจะรุนแรงไปกว่านี้ และภาพรวมเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวแล้วน่าจะดี ฟ้าน่าจะเปิดแล้ว
"ปีหน้าจะมีโครงการใหญ่ออกมาเยอะ เพราะปีนี้เลื่อนหลายโครงการใหญ่ ปีหน้าถ้าไม่เลื่อนก็จะเป็นประโยชน์ของบริษัทที่จะโตต่อไป ส่วนใหญ่เป็นงานซับมารีนเคเบิล ซับมารีนไฟเบอร์ออพติก ไฟเบอร์ออพติกทูโฮม มูลค่ารวมประมาณ 1 หมื่นกว่าล้านบาท แต่งานที่จะได้จริงอาจจะไม่ถึง เรามองว่างานนั้นมีความสามารถและมีกำไรเพราะเน้นคุณภาพ ปกติอัตรากำไรขั้นต้นจะประมาณ 20% กว่าก็จะรักษาไว้ ส่วนงาน 3G ยังไม่ได้มองเพราะยังไม่แน่ใจว่าจะเปิดได้เมื่อไร ถ้า 3G เปิดจริงงานจะเยอะ"นายสมบัติ กล่าว
สำหรับปี 53 คาดว่ารายได้จะจบที่ 1,200 ล้านบาท จากงานขายส่ง 850 ล้านบาท และงานวิศวกรรมปีนี้น่าจะอยู่ที่ 350 ล้านบาทที่จะรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/53 โดยมีงานในมือ(blacklog)ที่ยังค้างอยู่เกือบ 500 ล้านบาท ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับไตรมาส 4/53 หากรับรู้รายได้ราว 300 ล้านบาท ที่เหลือก็จะไปรับรู้ในปีหน้า ส่วนงานประมูล 200-300 ล้านบาทที่ยื่นประมูลไปแล้ว คงจะประกาศเดือนม.ค.54
"ไตรมาส 4 ทั้งรายได้และกำไรจะโตกว่าไตรมาส 3 อย่างมาก จากงานโครงการวิศวกรรม เพราะ 3 ไตรมาสที่ผ่านมายังไม่มีการรับรู้เลย ทั้งหมดจะมารับรู้ในไตรมาสที่ 4"นายสมบัติ กล่าว
ส่วนกำไรสุทธิปีนี้น่าจะเติบโตใกล้เคียงกับการเติบโตของรายได้ในแง่เปอร์เซนต์ แต่ปีนี้สิทธิประโยชน์ทางภาษีในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หมดไปแล้ว บริษัทก็จะเสียภาษี 30% จากเดิมที่เสียในอัตรา 20% อย่างไรก็ตาม กำไรอยู่ในระดับที่ดีอยู่แล้ว ตั้งแต่ ILINK เข้าตลาดหลักทรัพย์กำไรทุกไตรมาสมีอัตราเติบโตค่อนข้างดี