นายศิริพงศ์ ว่องวุฒิพรชัย กรรมการผู้จัดการ บมจ. อีเอ็มซี (EMC) กล่าวว่า ในปี 54 บริษัทเตรียมยื่นประมูลงานใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอีกทั้งงานภาครัฐและเอกชน โดยโครงการที่ EMC จะยื่นประมูลคิดเป็นมูลค่าประมาณ 25,000-30,000 ล้านบาท และจากศักยภาพของบริษัทที่มีความพร้อมอย่างเต็มที่ มั่นใจว่าจะสามารถคว้างานใหม่ได้เพิ่มขึ้นกว่า 20% ของมูลค่างานที่ยื่นประมูลไป หรือคิดเป็นประมาณ 5,000-6,000 ล้านบาท จากปัจจุบันที่ EMC มีงานในมือ (Backlog) รวมประมาณ 5,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ต่อเนื่องไปถึงปีหน้า
ทั้งนี้ มองว่าแนวโน้มของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในปี 54 น่าจะยังคงสดใสต่อเนื่องจากการสนับสนุนของภาครัฐและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ และที่สำคัญคือการเมืองภายในประเทศเริ่มสงบ ทำให้เรียกความมั่นใจจากผู้ประกอบการที่กำลังต้องการจะลงทุนได้เป็นอย่างมาก ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยที่ส่งผลบวกต่อการดำเนินงานของ EMC
ล่าสุด บริษัทฯ ได้รับการว่าจ้างงานใหม่ 6 โครงการ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,304 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการกลุ่มอาคารเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยเป็นงานวิศวกรรมโครงสร้าง, งานวิศวกรรมระบบ และงานสถาปัตยกรรม ระยะเวลา สิ้นสุดวันที่ 21 ก.พ.55 มูลค่าสัญญา 834 ล้านบาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว
โครงการ แอมเพิล ทาวเวอร์ ของบริษัท แอมเพิล เอสเตท จำกัด เป็นงานปรับปรุงงานโครงสร้าง, ปรับปรุงงานระบบ และงานสถาปัตยกรรม ระยะเวลา สิ้นสุดวันที่ 11 พ.ค.54 มูลค่าสัญญา 490 ล้านบาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว
และ โครงการก่อสร้างอาคารศูนย์นวัตกรรมอาหารผลิตภัณฑ์สุขภาพและเกษตรครบวงจร, โครงการก่อสร้างอาคารปฏิบัติการ จังหวัดสระบุรี, โครงการก่อสร้างอาคารส่งเสริมศักยภาพการใช้ชีวภาพและชีวมวลในการผลิตเชื้อเพลิงและเคมีภัณฑ์ และโครงการก่อสร้างอาคารสหศึกษาวิชานานาชาติ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยโดยเป็นงานวิศวกรรมโครงสร้าง, งานวิศวกรรมระบบ และงานสถาปัตยกรรม ระยะเวลา สิ้นสุดวันที่ 16 ธ.ค.53 , วันที่ 12 ก.พ.54 และวันที่ 20 พ.ค.56 ตามลำดับ มูลค่าสัญญา 980 ล้านบาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว
ทั้งนี้ การทำรายการดังกล่าวเป็นการทำธุรกรรมปกติตามแผนการดำเนินงานของบริษัทฯ
“ผลงานในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ น่าจะเป็นไตรมาสที่สดใสสำหรับ EMC เนื่องจากมีหลายโครงสร้างก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยและกำลังจะส่งมอบงานให้กับลูกค้า ขณะเดียวกันบริษัทสามารถเรียกเก็บเงินค้างชำระได้ดีขึ้น ประมาณ 60-70% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 50 ล้านบาท ซึ่งจะตีกลับมาเป็นกำไรในไตรมาสนี้ ดังนั้นจึงมั่นใจว่าจะทำให้ไตรมาส 4/53 มีความโดดเด่นอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับ 3 ไตรมาสที่ผ่านมา
และตอนนี้น่าจะถือเป็นจุดเทิร์นอะราวด์ของ EMC ก็ว่าได้ หลังจากที่มีการปรับปรุงระบบการทำงานและวางโครงสร้างต่างๆ เอาไว้อย่างครบถ้วนสำหรับการดำเนินธุรกิจในอนาคต ซึ่งปัจจุบันบริษัทถือได้ว่ามีความพร้อมในทุกๆ ด้านในการขยายธุรกิจให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่องนับจากวันนี้ไป" นายศิริพงศ์ กล่าว