ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กภาคธุรกิจสดใสหนุนดาวโจนส์ปิดส่งท้ายปีเสือบวก 7.80 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday January 1, 2011 06:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (31 ธ.ค.) ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการซื้อขายในปี 2553 หลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจในรัฐนิวยอร์กพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 7 เดือน อย่างไรก็ตาม บรรยาการซื้อขายเป็นไปอย่างเงียบเหงา ขณะที่ดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq ปิดลบ เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายในช่วงปลายปี

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ขยับขึ้น 7.80 จุด หรือ 0.07% ปิดที่ 11,577.51 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 0.24 จุด หรือ 0.02% ปิดที่ 1,257.64 จุด และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 10.11 จุด หรือ 0.38% ปิดที่ 2,652.87 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ได้ปัจจัยบวกจากรายงานของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ที่ระบุว่า ดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจในรัฐนิวยอร์กพุ่งขึ้นแตะระดับ 70 จุดในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นที่มีต่อแนวโน้มธุรกิจในช่วง 6 เดือนข้างหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับ 75.2 จุด จากระดับ 71.9 จุด

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลอดปี 2553 ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 11% ขณะที่ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้น 13% และดัชนี Nasdaq ทะยานขึ้นเกือบ 17% โดยตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับปัจจัยหนุนหลักๆจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง หรือ QE2 ด้วยการซื้อพันธบัตรรัฐบาลมูลค่า 6 แสนล้านดอลลาร์ รวมทั้งการที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ตัดสินใจขยายโครงการลดหย่อนภาษีให้กับประชาชนที่มีรายได้ทุกระดับชั้น และข้อมูลภาคการผลิตที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กเผชิญกับแรงกดดันมากมายในปี 2553 รวมถึงวิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรป ซึ่งมีต้นตอมาจากปัญหายอดขาดดุลงบประมาณและหนี้สาธารณะของกรีซ อัตราว่างงานที่พุ่งขึ้นเกือบแตะ 10% ของสหรัฐ และพายุหิมะที่พัดกระหน่ำในหลายภูมิภาคของสหรัฐ จนส่งผลให้วอลุ่มการซื้อขายในตลาดลดน้อยลง

หุ้นแคทเทอร์ พิลลาร์ ทะยานขึ้น 64% ในปี 2553 ซึ่งเป็นหุ้นที่พุ่งแข็งแกร่งสุดในบรรดาหุ้น 30 ตัวที่มีน้ำหนักมากในการคำนวณดัชนีดาวโจนส์ อย่างไรก็ตาม หุ้นแคทเทอร์ พิลลาร์ ปิดลบ 0.2% เมื่อคืนนี้

ส่วนหุ้นอัลโคปิดพุ่ง 1.2% เมื่อคืนนี้ แต่ราคาหุ้นปรับตัวลงทั้งสิ้น 4.5% ในปี 2553 และหุ้นฮิวเลตต์-แพคการ์ด ปิดลบ 0.4% เมื่อคืนนี้ และร่วงลงทั้งสิ้น 18% ในปี 2553

นักลงทุนส่วนใหญ่จับตาดูการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์หน้า รวมถึง ดัชนีภาคการผลิตเดือนธ.ค. ตัวเลขการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนพ.ย. ดัชนีภาคบริการเดือนธ.ค. และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (nonfarm payroll) เดือนธ.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ