นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คงต้องระวังเพราะดัชนีฯมีโอกาสปรับตัวลงจากอิทธิพลของแรงขายกองทุน LTF-RMF ที่เริ่มจะมีออกมาและเห็นได้ชัดตั้งแต่วันนี้ ประกอบกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์อย่างน้ำมันดิบที่เริ่มอ่อนตัวลง ทั้งนี้ คาดว่าตลาดฯคงเผชิญกับแรงขายทำกำไรระยะสั้นไปอีก 1-2 สัปดาห์
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้าวันนี้แกว่งตัวบวก-ลบสลับกันไปเล็กน้อย สำหรับกลยุทธ์ในการลงทุน แนะนำนักลงทุนชะลอการลงทุนในช่วงนี้
พร้อมให้แนวรับ 1,030 จุด แนวต้าน 1,050 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คเมื่อวานนี้(4 ม.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 11,691.18 จุด เพิ่มขึ้น 20.43 จุด(+0.18%)ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,270.20 จุด ลดลง 1.67 จุด(-0.13%)ดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 2,681.25 จุด ลดลง 10.27 จุด(-0.38%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3,194.49 ล้านบาทเมื่อ 4 ม.ค. 53
- ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือน ก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้ที่ 89.38 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง
2.17 ดอลลาร์ หรือ 2.37%
- "อำพน"หนุนการลงทุนภาครัฐขับเคลื่อนเศรษฐกิจแทนการส่งออก เหตุเศรษฐกิจโลกขยายตัวลดลง ชี้สหรัฐ-ยุโรป-ญี่ปุ่นยังไม่ฟื้นตัว ยอมรับแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น เพื่อรักษาระดับการออม ห่วงค่าเงิน-เงินเฟ้อ-น้ำมันปัจจัยเสี่ยงหลักฉุดเศรษฐกิจ ขณะที่การเมืองเริ่มเห็นแสงสว่าง ธปท.เตรียมปรับประมาณการจีดีพีปี 2554 จากเป้าเดิมที่ 3-5% ในการประชุม กนง.นัดแรก 12 ม.ค.นี้
- เงินเฟ้อปี 2553 พุ่ง 3.3% โดยเฉพาะเดือนธ.ค. ขยายตัว 3% ผลจากราคาสินค้าเกษตร พาณิชย์ ตั้งเป้าปีนี้ขยายตัว 3.2-3.7% หวั่นราคาน้ำมัน ค่าเงินราคาสินค้าเกษตรผันผวนกดดันเงินเฟ้อ เตรียมขอความร่วมมือเอกชน ตรึงราคาสินค้าต่ออีก 3 เดือน ภาคเอกชนผวา ธปท. ขึ้นดอกเบี้ยสกัดเงินเฟ้อสูง ยันรัฐตรึงราคาสินค้าได้ชั่วคราว ต้องปล่อยให้ขึ้นตามต้นทุนที่แท้จริง
- "ประสาร"ประเมินสถานการณ์ตลาดเงิน ยังไม่จำเป็นต้องออกมาตรการสกัดเงินทุนไหลเข้า แต่ ธปท.ก็ศึกษาเอาไว้แล้ว เมื่อไหร่ที่จำเป็นก็พร้อมนำออกมาใช้ เช่น ส่งออกจะต้องติดลบเลวร้าย แต่ขณะนี้ถือว่ายังไปได้ เพราะเติบโตสูงถึง 28.5% ขณะที่สินค้าส่งออกหลายตัวก็ยังปรับราคาขึ้นได้ หรือเมื่อเปรียบเทียบคู่ค้าคู่แข่งเรายังแข่งขันค่าเงินได้และยังค้าขายกับประเทศยักษ์ใหญ่หรือ จี3 ได้
- "กรณ์" ชี้ประชาวิวัฒน์ไม่ใช่ประชานิยม ระบุเป็นวิธีการทำงานโดยมีส่วนร่วมทั้งภาครัฐเอกชน-ประชาชน เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดร่วมกัน มั่นใจแผนปฏิบัติการประชาวิวัฒน์ถึงมือนายกฯ ปฏิบัติได้จริง 95% เชื่อ 6 เดือนเห็นผลทางปฏิบัติ ยันไม่เป็นภาระงบประมาณแผ่นดินแน่นอน
- ครม.ไฟเขียวยกเว้นภาษีนำเข้าอุปกรณ์เอ็นจีวี 0% ระยะเวลา 1 ปี ส่งเสริมนโยบายประหยัดพลังงานถึง 31 ธ.ค. 2554 ก่อนปรับขึ้นเป็นอัตรา 10% พร้อมลดภาษีนำเข้าชิ้นส่วน อุปกรณ์ประกอบระบบเบรก-เกียร์รถยนต์ 12 รายการจาก 30% เหลือ 10% "วรรณรัตน์" คาดว่าปี 2554 มีสถานีเอ็นจีวีผุดมากกว่า 100 แห่ง เหตุเพราะราคาน้ำมันสูงต่อเนื่อง ปตท.เล็งขยายปั๊มเอ็นจีวีเพิ่ม 47 แห่งปีนี้ ส.อ.ท.ชี้ลดภาษีเกียร์อัตโนมัติช่วยประหยัดภาษีนำเข้าปีละ 500 ล้านบาท
- รมว.พลังงาน นัดประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) เร่งด่วน ในวันที่ 5 ม.ค. เพื่อหารือถึงการใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง อุดหนุนราคาดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตร เนื่องจากขณะนี้ผู้ค้าน้ำมันต่างชาติปรับขึ้นดีเซลจนราคาอยู่ที่ 30.29 บาท/ลิตร โดยคาดว่าการประชุมกบง.ครั้งนี้จะลดการจัดเก็บเข้ากองทุนน้ำมันฯในส่วนของดีเซลและไบโอดีเซลบี5 ลงอีก 50 ส.ต./ลิตร ซึ่งจะทำให้กองทุนน้ำมันฯติดลบเพิ่มเป็นเดือนละ 2,400 ล้านบาท จากเดิมที่ติดลบอยู่เดือนละ 1,200 ล้านบาท