เมสโปรฯ คาดเข้าเทรดตลาด mai ไม่เกิน มี.ค.54, เป้ารายได้ปีนี้โต 30-40%

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday January 5, 2011 15:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ.เมสโปร(1989) (MP)คาดว่า บริษัทจะนำหุ้น MP เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ได้ไม่เกินเดือน มี.ค.54 หลังจากได้ยื่นยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล(ไฟลิ่ง)ต่อสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)เมื่อ 29 ธ.ค.53

"ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอการพิจารณาข้อมูลกับ ก.ล.ต. และได้รับสัญญาณที่ดีจาก ก.ล.ต.ที่จะไปเยี่ยมชมกิจการของบริษัทในวันที่ 3 ก.พ.54 และบริษัทมีแผนจะโรดโชว์ข้อมูลใน 7 จังหวัดช่วงเดือน ก.พ.ด้วย ได้แก่ เชียงใหม่ ขอนแก่น โคราช ชลบุรี พิษณุโลก หาดใหญ่ และกรุงเทพ"นายสมภพ กล่าว

ทั้งนี้ MP จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 80 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 0.25 บาทต่อหุ้น ปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียนจำนวน 80 ล้านบาท ทุนจดทะเบียนชำระแล้วจำนวน 60 ล้านบาท

วัตถุประสงค์การระดมทุนเพื่อนำไปใช้ขยายคลังจัดเก็บวัสดุ อุปกรณ์ ที่จะมีส่วนช่วยในการบริหารจัดการต้นทุนการดำเนินงานของบริษัท อีกทั้งจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนขยายงานด้านรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งธุรกิจของบริษัทในปัจจุบัน ประกอบด้วย งานรับเหมาก่อสร้างแบบครบวงจร และงานบริการติดตั้งงานวิศวกรรมงานระบบภายในอาคาร

นายสมศักดิ์ ธนกิจวัฒนา กรรมการผู้จัดการ MP กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปี 54 เติบโต 30-40% จากปี 53 ที่คาดว่าจะมีรายได้แตะ 200 ล้านบาท โดยปีนี้บริษัทจะพยายามรักษาอัตรากำไรสุทธิที่ 5% เท่ากับค่าเฉลี่ยช่วง 3 ปีที่ผ่านมา แต่ก็มีแนวโน้มอาจจะสูงกว่านั้นได้ หากสามารถดูแลบริหารต้นทุนให้ดีขึ้น และการเข้ามาอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ก็จะทำให้ต้นทุนทางการเงินดีขึ้นเช่นกัน ส่วนอัตรากำไรขึ้นต้นจะรักษาไว้ที่ 10-12%

อนึ่ง ช่วง 9 เดือนแรกปี 53 บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 132.64 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากงงานรับเหมาก่อสร้างจำนวน 73.99 คิดเป็น 55% และรายได้จากงานติดตั้งระบบวิศวกรรม 58.65 ล้านบาท คิดเป็น 45% ซึ่งสัดส่วนรายได้จากงานรับเหมาก่อสร้างมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

ในปี 54 บริษัทมีแผนเข้าประมูลงานอีกมูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท และคาดว่าจะได้รับงานไม่ต่ำกว่า 20% จากที่เข้าประมูล ประกอบกับ บริษัทมีงานที่รอเซ็นสัญญาอยู่ 200 ล้านบาท มีแนวโน้มจะได้รับงานประมาณ 80-90%

ปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือ(backlog) ณ สิ้น ก.ย.53 ที่ 362 ล้านบาท แบ่งเป็นลูกค้าราชการ 3 ราย คิดสัดส่วนรายได้ประมาณ 56% และเอกชน 44% อาทิ งานก่อสร้างที่ทำการศาล อ.พิมาย , อาคารเรียนที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ, หอพักนักศึกษาแพทย์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ส่วนงานภาคเอกชนอีก 2-3 แห่ง เป็นงานสร้างอาคารคลังสินค้าและคอนโดมิเนียม

ปัจจัยเสี่ยงในปีนี้ มองว่าเป็นต้นทุนราคาวัสดุก่อสร้าง แต่บริษัทก็ได้มีการล็อคราคาไว้ล่วงหน้าแล้ว และกระจายความเสี่ยง ไม่ได้ซื้อผูกขาดกับซัพพลายเออร์รายใดรายหนึ่ง

“ในช่วงแรกของการดำเนินธุรกิจเราให้บริการเฉพาะระบบวิศวกรรมภายในอาคาร เช่น ระบบไฟฟ้า ระบบโทรคมนาคม ระบบสุขาภิบาล ฯลฯ แต่ในปัจจุบันเราเป็นผู้ดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้างแบบครบวงจร ตั้งแต่การออกแบบ ก่อสร้าง และทำระบบภายในอาคาร ซึ่งที่ผ่านมาธุรกิจรับเหมาก่อสร้างของบริษัทมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มลูกค้ามีทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน งานก่อสร้างที่บริษัทเป็นผู้ดำเนินงานมีทั้งอาคารสูงเพื่อพักอาศัย โรงงานอุตสาหกรรม อาคารสำนักงาน โรงแรม และอาคารเรียน"นายสมศักดิ์ กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ