โบรกฯเชียร์"ซื้อ"DTAC คาดกำไรปี 53โตสูงโอกาสปันผลดี-ลุ้น 3Gบนคลื่นเดิม

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 6, 2011 15:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ แนะนำให้"ซื้อ" หุ้น บมจ.บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น(DTAC)เพราะมองว่ากำไรสุทธิปี 53 เติบโตมากกว่า 50% และไตรมาส 4/53 ก็มีกำไรเติบโตดี อัตราการเติบโตสูงสุดในกลุ่มผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ เป็นผลจากธุรกิจบริการเสริม(Non voice)และยอดขายสมาร์ทโฟนอย่าง iPhone 4 ด้วย และคาดว่าจะจ่ายเงินปันผลในปี 53 ในอัตรา 2.70 บาท คิดเป็นผลตอบแทน 6.2% ขณะที่ราคาหุ้นในปัจจุบันยังมี Upside อยู่มาก

แม้ว่าปี 54 กำไรอาจจะเติบโตไม่สูงมาก หรืออาจลดลงจากค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาระภาษีนิติบุคคลเพิ่มเป็น 30% และจ่ายส่วนแบ่งรายได้เพิ่มเป็น 30% จาก 25% อย่างไรก็ดี เป็นเรื่องที่ตลาดรับรู้ล่วงหน้าแล้ว

ขณะที่มีสัญญาณบวกที่ บมจ.กสท โทรคมนาคม อนุญาตให้ DTAC เปิดทดลองให้บริการ 3G บนคลื่นเดิม 850 MHZ อีก 1,220 สถานีฐาน และหาก กสท อนุญาตให้ทำในเชิงพาณิชย์ก็สามารถทำได้ทันที เพราะมีคลื่นรองรับอยู่แล้วและอายุสัมปทานยังมีอยู่อีก 8 ปี

ส่วนความเสี่ยงการพิจารณาแก้ไขสัญญาสัปทานของคณะกรรมการ มาตรา 22 ในเบื้องต้นมีแนวโน้มเป็นบวกว่า DTAC ไม่มีความผิด และคาดว่าเรื่องนี้ต้องใช้ระยะเวลานานกว่าจะได้ข้อยุติ

          โบรกเกอร์       คำแนะนำ          ราคาเป้าหมาย (บาท)
          บล.กิมเอ็ง         ซื้อ               57.00
          บล.เอเซียพลัส      ซื้อ               54.00
          บล.ยูไนเต็ด        ซื้อ               55.00
          บล.ดีบีเอสฯ        ซื้อ               50.40
          บล.กรุงศรีอยุธยา    ซื้อ               48.50
          บล.ฟินันเซียไซรัส    ซื้อ               48.00
          บล.เกียรตินาคิน     ซื้อเก็งกำไร        47.00

นายกวี มานิตสุภวงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซียพลัส ให้เหตุผลหลักแนะ"ซื้อ"หุ้น DTAC เพราะเห็นว่าในปี 53 DTAC สามารถทำกำไรได้ดี โดยคาดว่ากำไรจะเติบโต 50% มาที่ 10,500 ล้านบาท เป็นผลจากการลดต้นทุน การจัดโปรโมชั่นที่ดี นอกจากนี้ ยังมีรายรับจากค่าเชื่อมต่อโครงข่ายสุทธิ(IC)และคาดว่าในปี 54 กำไรยังเติบโตต่อเนื่องโดยประเมินแบบอนุรักษ์นิยมว่าจะเติบโต 5%

รวมทั้ง DTAC มีความพร้อมที่สุดในการให้บริการ 3G ซึ่งมีคลื่นความถี่ 850 MHZ ที่ใช้พัฒนาบริการ 3G โดยบริษัทได้ทดลอง 1,220 สถานีฐาน และหาก บมจ.กสท โทรคมนาคม อนุญาตให้ดำเนินการในเชิงพาณิชย์ก็สามารถรับรู้ได้รายได้ทันที โดย DTAC ยังมีอายุสัญญาสัมปทานอีก 8 ปี ซึ่งมากที่สุดในกลุ่มผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่

ส่วนกรณีคณะกรรมการมาตรา 22 พิจารณาเรื่องการแก้ไขสัญญาสัมปทานนั้น ในเรื่องนี้ก็ยังมีความกังวลอยู่ แต่เท่าที่ทราบคณะกรรมการมาตรา 22 ยังขัดแย้งกันอยู่ ยังไม่มีข้อสรุป

"DTAC มีความพร้อมที่สุดในการให้บริการ 3G เพราะเขามีคลื่นอยู่แล้ว ต่างจาก ADVANC ยังไม่มีคลื่นไปรองรับทำ 3G ได้...DTAC ได้ขออนุญาตให้บริการ 3G ภายใต้สัมปทานเดิมเชิงพาณิชย์จาก กทช.แล้ว ซึ่งภายในเดือนนี้ คณะกรรมการมาตรา 22 จะนำเรื่องมาพิจารณาต่อไป และหากได้รับการอนุมัติจาก กทช.แล้ว DTAC จะเป็นผู้ให้บริการ 3G เชิงพาณิชย์ภายใต้สัมปทานเดิมรายแรกของไทย"นายกวี กล่าว

บล.เอเซียพลัส กำหนดมูลค่าพื้นฐานหุ้น DTAC ปี 54 ภายใต้สัมปทานเดิมที่ 54 บาท และเมื่อรวมกับมูลค่าเพิ่มอีก 16.30 บาท ภายหลังให้บริการ 3G ภายใต้ใบอนุญาตใหม่ Fair value จะเพิ่มขึ้นเป็น 70.30 บาท มี Upside ถึง 62.5%

ด้านนักวิเคราะห์จากบล.กรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ในปี 53 DTAC จะเป็นปีที่บริษัทมีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิสูงสุดในกลุ่มผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งประเมินว่าจะเติบโต 58% มาที่ 10,482 ล้านบาท เป็นผลจากการเติบโตของธุรกิจ Non Voice , ได้รับค่า IC จาก Hutch จำนวน 653 ล้านบาท และกำไรจากการขายตึก 160 ล้านบาท

ทั้งนี้ คาดว่าในไตรมาส 4/53 ยังมีกำไรดี ถ้าไม่รวมกำไรพิเศษ จะเติบโตทั้ง QoQ และ YoY

ส่วนในปี 54 คาดว่ากำไรจะลดลง 6% เนื่องจากบริษัทมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ได้แก่ ภาษีนิติบุคคลที่หลังเข้าตลาดมา 5 ปีแล้วจะปรับขึ้นมาจ่ายเป็น 30% จาก 25% และ ตามสัญญาสัมปทานในปี 54 จะมีการจ่ายส่วนแบ่งรายได้เพิ่มเป็น 30% จาก 25%ในปีก่อน แต่ปัจจัยดังกล่าว เป็นทีรับรู้ของตลาดอยู่แล้ว ส่วนประเด็นความกังวลเรื่องการตรวจสอบการแก้ไขสัญญาสัมปทานในอดีตลดลง หลังคณะกรรมการมาตรา 22 มีมติเสียงส่วนใหญ่ว่า DTAC ไม่ผิด น่าจะส่งผลบวกให้กับหุ้น DTAC "เรายังคงแนะนำ BUY เพราะในไตรมาส 4 กำไรยังเติบโตดี ทั้งปีกำไรโต 58% และฐานะทางการเงินแข็งแกร่งโดยมีกระแสเงินสดสูงเฉลี่ย 1.2 หมื่นล้านบาท และราคายังมี Upside จากราคาพื้นฐาน 12%"นักวิเคราะห์ กล่าว ขณะที่บทวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) คาดกำไร DTAC ในไตรมาส 4/53 จะทำสถิติสูงสุด อยู่ที่ 2.7 พันล้านบาท และยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในไตรมาส 1/54 โดยเฉพาะจากบริการเสริม(non voice) ราคาปัจจุบันยังมี upside ราว 32% เมื่อเทียบกับราคาเหมาะสมที่ 57 บาท ประกอบกับ คาดว่าความเสี่ยงจากการแก้ไขสัมปทานยังต้องใช้เวลาอีกนาน จึงจะมีผลสรุป ซึงจะยังไม่กระทบต่อการจ่ายเงินปันผลในระยะสั้น โดยคาดว่า DTAC จะจ่ายเงินปันผลสำหรับกำไรปี 2553 ในอัตรา 2.70 บาท หรือคิดเป็น Div yield สูงราว 6.2%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ