บล.ไทยพาณิชย์ ระบุทุนนอกยังทะลักหุ้นไทยดันดัชนีปี 54 ถึง 1,200 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 6, 2011 15:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเกียรติศักดิ์ เจนวิภากุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บล.ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่าในปี 53 ประเมินว่า ตลาดหุ้นไทยยังคงมีเม็ดเงินไหลเข้าจากต่างชาติต่อเนื่อง ตามแผนการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง(QE2)ของสหรัฐ รวมถึงตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเซียยังมีเม็ดเงินไหลเข้าเช่นเดียวกัน เนื่องจากให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาดหุ้นยุโรป และสหรัฐ

"แม้ว่าจะมีเงินไหลเข้าในระดับสูง ตลาดหุ้นยังคงเติบโตจากปี 53 และจะเป็นอย่างนี้ไปอีก 2-3 ปี ทั้งภูมิภาคเอเชีย แต่ไม่กังงวลว่าจะเกิดฟองสบู่ในตลาดหุ้นไทย เพราะเชื่อว่าตลาดหุ้นปรับตัวดีขึ้นเพราะมีปัจจัยที่ดีรองรับ" นายเกียรติศักดิ์ กล่าว

สำหรับปี 54 บล.ไทยพาณิชย์ คาดว่า GDP ของไทยจะโตต่อเนื่องในระดับ 3.7-4.0% จากปี 53 ที่โต 7.3% ซึ่งอัตราการเติบโตแม้ลดลงแต่ถือว่าอยู่ในระดับสูง เพราะฐานตัวเลขเศรษฐกิจโตขึ้น ส่วนภาวะเงินเฟ้อยังมีความกังวลน่าจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น โดยจะเห็นได้จาก ราคาสินค้าที่ปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง

ส่วนตลาดหุ้นไทยในปี 54 บริษัทคาดว่าดัชนีหุ้นไทยจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ถึง 1,200 จุด P/E น่าจะปรับเพิ่มเป็น 14 เท่า จากปัจจุบัน 12 เท่า ถือว่า P/E ระดับ 12 เท่าเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย ราคาหุ้นไทยยังคงอยู่ในระดับต่ำ แต่ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาไทยประสบปัญหาการเมือง ทำให้การเติบโตของตลาดหุ้นช้ากว่าตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย

ด้านนายสุกิจ อุดมสิริกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธการลงทุน ลูกค้าบุคคล และสายงานวิจัย บล.ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยยังคงมีความน่าสนใจ และมีศักยภาพในการเติบโตในปี 54 แม้จะมีปัจจัยที่น่าเป็นห่วง ได้แก่ เงินเฟ้อ และ อัตราดอกเบี้ยที่มีทิศทางปรับเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)จะปรับอัตราดอกเบี้ย 0.50-0.75% แต่น่าจะส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ แนะนำซื้อ KBANK, KTB ซึ้งเป็นหุ้นธนาคารพาณิชย็์ขนาดใหญ่ที่มีฐานเงินฝากระดับสูง และมีการปล่อยสินเชื่อที่ดี น่าจะได้รับผลดีจากภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น

ด้านการบริโภคในประเทศ น่าจะมีอัตราการเติบโตตามภาวะเศรษฐกิจ และ พฤติกรรมการบริโภคจะหันมาใช้บริการร้านค้าปลีกที่มีความสะดวกและทันสมัย ส่งผลดีต่อกลุ่มค้าปลัก แนะนำหุ้น HMPRO

กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และนิคมอุตสาหกรรม คาดว่าจะได้รับผลดีจากค่าเงินบาทที่แช็งค่า รวมถึง การลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ ทำให้กลุ่มนี้ขยายตัวสูง โดยหุ้นกลุ่มนิคมฯแนะนำ AMATA ซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวทั้งในประเทศและต่างประทศ ส่วนหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง แนะนำซื้อ หุ้น STEC เพราะมีโอกาสที่จะมีงานในมือ(Backlog)เพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันก็มี Backlog สูงกว่า 3 หมื่นล้านบาท และมีโอกาสรับงานในต่างประเทศ ในแถบอาเซียนสูง

ส่วนหุ้นกลุ่ม Commodity ยังให้น้ำหนักหุ้น BANPU ซึ่งอนาคตมีการเติบโตสูงหลังเข้าซื้อกิจการ Centennial ที่ออสเตรเลีย , PTTCH ที่คาดว่าปีหน้า ราคาผลิตภัณฑ์ในช่วงครึ่งปีหลังจะเป็นช่วง Peak รวมถึงประเด็นการควบรวมกิจการกับ PTTAR ที่คาดจะประกาศในไตรมาส 1/54 น่าจะส่งผลดีต่อราคาหุ้น

นอกจากนี้ แนะนำ SCC มองว่าน่าจะมีการขยายธุรกิจในรูปแบบการเข้าซื้อกิจการมากขึ้นในปีนี้ ซึ่งจะทำให้บริษัทมีโอกาสเติบโตสูงในอนาคตและมีผลตอบแทนที่ดีขึ้น

ส่วนกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มองว่า PS มีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง เนื่องจากจะมีการขยายกิจการในต่างประเทศ แม้ว่าจะมีความกังวลใจกับอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นบ้าง แต่เชื่อว่า PS จะได้รับผลกระทบน้อย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ