ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กวิตกหนี้ยุโรป ฉุดดาวโจนส์ปิดลบ 37.31 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 11, 2011 06:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (10 ม.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรป หลังจากมีข่าวว่าฝรั่งเศสและเยอรมนีพยายามกดดันโปรตุเกสให้ยอมรับความช่วยเหลือจากสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งข่าวดังกล่าวส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลโปรตุเกสพุ่งขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังร่วงลงจากแรงขายที่ส่งเข้าฉุดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 37.31 จุด หรือ 0.32% แตะที่ 11,637.45 จุด ดัชนี S&P 500 ขยับลง 1.75 จุด หรือ 0.14% ปิดที่ 1,269.75 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 4.63 จุด หรือ 0.17% ปิดที่ 2,707.80 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 4.1 พันล้านหุ้น มีจำนวนห้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วนเล็กน้อย

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรปอีกครั้งเมื่อคืนนี้ หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของรัฐบาลโปรตุเกสพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ 7.14% ในวันจันทร์ ซึ่งเป็นผลมาจากข่าวที่ว่าฝรั่งเศสและเยอรมนีพยายามกดดันโปรตุเกสให้ยอมรับความช่วยเหลือจากอียู เพื่อยับยั้งวิกฤตหนี้สาธารณะไม่ให้ลุกลามไปทั่วยุโรป

นิตยสารแด สปีเกล ของเยอรมนีรายงานเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า รัฐบาลเยอรมนีและรัฐบาลฝรั่งเศสได้แสดงความวิตกกังวลว่า โปรตุเกสอาจประสบความยากลำบากในการเข้าถึงตลาดทุน พร้อมกับเรียกร้องให้โปรตุเกสหาทางป้องกันตนเองภายใต้แผนความช่วยเหลือครั้งใหม่ของอียูโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

นักลงทุนจับตาดูการประมูลขายพันธบัตรของรัฐบาลสเปนซึ่งจะมีขึ้นในสัปดาห์นี้ หลังจากเมื่อวันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลสเปนได้นำพันธบัตรอายุ 10 ปี และ 15 ปี ซึ่งเป็นพันธบัตรล็อตสุดท้ายสำหรับปี 2553 ออกมาจำหน่าย โดยมีเป้าหมายที่จะระดมทุนให้ได้ถึง 3 พันล้านยูโร (4 พันล้านดอลลาร์) แม้มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส เตือนว่าอาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของพันธบัตรรัฐบาลสเปนก็ตาม ซึ่งความพยายามของรัฐบาลสเปนในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนว่า สเปนสามารถระดมทุนได้เพียงพอต่อการปรับโครงสร้างหนี้ในปี 2554

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนเข้ามาเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยหุ้นเอทีแอนด์ทีปิดร่วง 1.8% หุ้นแอปเปิลปิดลบ 1.9%

นักวิเคราะห์ในตลาดวอลล์สตรีทกล่าวว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงเกือบตลอดทั้งวัน ก่อนที่บริษัทเอกชนจะเปิดเผยผลประกอบการ โดยหลังจากที่ตลาดปิดทำการแล้ว บริษัท อัลโค อิงค์ รายงานว่า กำไรในไตรมาส 4 เพิ่มขึ้น 24 เซนต์ต่อหุ้น ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 18 เซนต์ต่อหุ้น

หุ้นดุ๊ค เอนเนอร์จี ปิดลบ 1.2% หลังจากมีรายงานว่า ดุ๊ค เอนเนอร์จี วางแผนเข้าซื้อบริษัท โพรเกรส เอนเนอร์จี อิงค์ มูลค่า 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์

ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงเนื่องจากข่าวการปิดท่อส่งน้ำมันในรัฐอะแลสก้า โดยหุ้นเอ็กซอนโมบิลปิดร่วง 0.6% หุ้นเชฟรอนปิดลบ 1%

คอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเอกชนของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีการจ้างงานเดือนธ.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.8% จากเดือนพ.ย. แตะระดับ 99.3 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี ซึ่งการเปิดเผยดัชนีการจ้างงานของคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด มีขึ้นหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 103,000 ตำแหน่ง และอัตราว่างงานปรับตัวลดลงสู่ระดับ 9.4%

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันอังคาร กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนพ.ย. วันพุธ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนธ.ค. และกระทรวงการคลังสหรัฐจะเปิดเผยงบประมาณของรัฐบาลกลางเดือนธ.ค.

วันพฤหัสบดี กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนพ.ย. ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนธ.ค.และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนธ.ค.และตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ย. ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนธ.ค. และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดเผยข้อมูลการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนธ.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ