นางสาววีรวรรณ ขอไพบูลย์ รองประธานบริษัทฯ อาวุโส สายงานบริหาร บมจ.ไทยสโตเรจ แบตเตอรี่ (BAT-3K)กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"ว่า การลงทุนตั้งโรงงานผลิตและขึ้นรูปพลาสติกที่ใช้เป็นเปลือกแบตเตอรี่จะช่วยลดความเสี่ยงในการส่งมอบสินค้าจากซัพพลายเออร์ ช่วยลดต้นทุน และเป็นการรองรับการขยายตัวของบริษัทในอนาคต
BAT-3K ลงทุนในบริษัท พาวเวอร์ พลาส จำกัด ที่ประกอบธุรกิจผลิต และแปรรูปหรือขึ้นรูปผลิตภัณฑ์พลาสติกทุกชนิด โดยจะเข้าไปถือหุ้น 2,449,998 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 49.00 ของทุนจดทะเบียนทั้งหมด 50,000,000 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 5,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท ซึ่งแหล่งเงินทุนที่ได้จะใช้เงินทุนเหมุนเวียนจากการดำเนินงาน
“พาวเวอร์ พลาส จะผลิตสินค้าให้กับทาง BAT-3K ที่เดียวไม่ได้ส่งไปขายที่อื่น ที่จริงเราก็มีซัพพลายเออร์อยู่ 2 ราย ที่คอยจัดหาสินค้าให้เรา ซึ่งก็ยังใช้เขาอยู่ แต่พาวเวอร์ พลาส ก็จะเข้ามาเสริม ก็ถือเป็นการลดความเสี่ยงจากซัพพลายเออร์เจ้าเดิม และเป็นการรองรับการเติบโตในอนาคต"นางสาววีรวรรณ กล่าว
ทั้งนี้ โรงงานดังกล่าวคาดว่าจะเริ่มผลิตเฟสแรกได้ภายในไตรมาส 1/54 กำลังการผลิตอยู่ที่ประมาณ 5 หมื่นชุด/เดือน
“พาวเวอร์ พลาส จะช่วยลดต้นทุนได้มากน้อยแค่ไหนตอนนี้ยังตอบไม่ได้ ก็อย่างให้รอดูเฟสแรกก่อนว่าจะออกมาเป็นอย่างไร ที่จริงเราตั้งขึ้นมาก็เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น ส่วนการขยายในเฟสต่อๆไปก็ต้องรอดูตามความเหมาะสม"น.ส.วีรวรรณ กล่าว
*เป้าปี 54 รายได้โต 10% แตะ 5 พันลบ.เร่งดันยอดแบตเตอรี่คุณภาพสูง
ด้านนายวีรวัฒน์ ขอไพบูรย์ กรรมการ BAT-3K กล่าวว่า บริษัทฯตั้งเป้ารายได้ปี 54 แตะ 5 พันล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 10% จากปี 53 ที่คาดว่ารายได้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 4.5 พันล้านบาท หลังยอดขายในช่วงครึ่งปีหลังปรับตัวเพิ่มขึ้นจากครึ่งปีแรกตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ประกอบกับ มีการรับรู้รายได้จากผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เป็นแบตเตอรี่คุณภาพสูงประเภท sealed maintenance free ซึ่งมียอดขายสูงประมาณ 2 หมื่นลูก/เดือน เข้ามาเพิ่มเติม
ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้จากแบตเตอรี่ประเภท sealed maintenance free คิดเป็น 20% ของรายได้รวม
“ตัวแบตเตอรี่ sealed maintenance free ปีที่แล้วเราทดลองขายแค่เฉพาะในประเทศ ก็ได้ประมาณ 2 หมื่นลูก/เดือน แต่ที่จริงกำลังการผลิตเรารองรับได้ถึง 5 หมื่นลูก/เดือน คิดว่าน่าจะเห็นได้ในช่วงไตรมาส 2/54 ที่จริงเราผลิตมาเพื่อต้องการส่งออกไปต่างประเทศเป็นหลัก ปีนี้ก็จะเริ่มส่งออกไปมากขึ้น ก็คิดว่าภายในสิ้นปีกำลังการผลิตน่าจะเพิ่มเป็น 7 หมื่นลูก/เดือนได้"นายวีรวัฒน์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม คาดว่ากำไรจากการดำเนินงานในปี 53 จะลดลงจากปี 52 ที่มีกำไร 302 ล้านบาท เนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทประสบปัญหาวัตถุดิบตะกั่วขาดตลาด ซึ่งผลกำไรที่ลดลงดังกล่าวก็ยังไม่แน่ใจว่าจะส่งผลกระทบต่อการจ่ายเงินปันผลงวดปี 53 ลดลงจากปี 52 ที่บริษัทจ่ายเงินปันผลในอัตรา 4.50 บาท/หุ้นหรือไม่ เนื่องจากต้องรอการพิจารณาจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทก่อน
สำหรับแนวโน้มราคาตะกั่วซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตแบตเตอรี่ในปี 54 คาดว่าจะเคลื่อนไหวในระดับสูงที่ประมาณ 2,800-3,000 เหรียญ/ตัน แต่ทั้งนี้บริษัทก็ยังไม่มีแผนปรับขึ้นราคาขาย
“ราคาตะกั่วปีนี้ถือว่าเดายาก อย่างปีที่ผ่านมาก็ถือว่าค่อนข้างนิ่ง อย่างปีนี้ถึงแม้มันจะขึ้นเร็ว แต่ก็ลงเร็วเหมือนกัน เราก็เลยยังไม่มีแผนปรับราคาขาย"นายวีรวัฒน์ กล่าว