บมจ.ยูนิมิต เอนจิเนียริ่ง(UEC)ตั้งเป้ายอดขายในปี 54 สูงกว่าปีก่อนที่คาดว่าจะทำรายได้ราว 1,000 ล้านบาท คาดรับอานิสงค์โครงการลงทุนในมาบตาพุดเดินหน้า ขณะที่ราคาน้ำมันทรงตัวสูงในระดับ 90-95 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลและการลอยตัวราคาก๊าซในภาคอุตสาหกรรมเชื่อส่งผลให้มีการขยายงานด้านพลังงานเพิ่มขึ้น ยอมรับปี 53 กำไรต่ำกว่าปีก่อนหน้า แต่มั่นใจปีนี้กำไรดีตามยอดขายเติบโต
นายไพบูลย์ เฉลิมทรัพยากร ประธานกรรมการ UEC กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"ว่า แนวโน้มธุรกิจปีนี้ดีกว่าปี 53 เนื่องจากเศรษฐกิจทั่วไปดีขึ้น พื้นที่มาบตาพุดเริ่มมีโครงการเดินหน้ามากขึ้นแล้ว ทำให้มีผู้ประกอบการบางรายเข้ามาเจรจางานกับบริษัทบ้างแล้ว ซึ่งหากเริ่มได้ในปีนี้ก็จะรับรู้รายได้จากสัดส่วนงานที่สำเร็จได้ภายในปีนี้
นอกจากนั้น การที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีการคาดการณ์ว่าจะอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 90-95 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หากราคายืนในระดับนี้ก็จะทำให้ธุรกิจด้านพลังงานขยายเพิ่มขึ้นแน่นอน ขณะที่การแยกโครงสร้างราคาก๊าซ LPG เป็น 2 ราคา โดยลอยตัวราคาในภาคอุตสาหกรรม ประกอบกับการใช้ก๊าซ LPG ในรถยนต์มีปริมาณเพิ่มขึ้น ซึ่งจำเป็นต้องมีถังเก็บเพิ่มขึ้นด้วย
"ผู้ค้าแก๊ส น้ำมัน โรงกลั่นฯ ถ้าต้องการถังใหญ่ขึ้นเราก็น่าจะได้รับผลดี ตอนนี้มีสอบถามมาเยอะพอควรถึงการทำถังขนาดใหญ่เก็บ reserve ได้เพิ่มขึ้น ก็จำเป็นจะต้องมีถังใหญ่แทนที่จะเป็น 60 ก.ก.ถ้าได้งานจำพวกนี้ก็จะเป็นรายรับของปี 54"นายไพบูลย์ กล่าว
นอกจากนั้น จากการที่บริษัทได้ยื่นประมูลงานไปหลายโครงการ แม้บางโครงการยังมีปัญหาด้านการเงินทำให้ต้องเลื่อนออกไป แต่บางโครงการก็น่าจะสรุปได้ในเร็วๆ นี้ โดยปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ(backlog)แล้ว 400-500 ล้านบาทจากปี 53 ที่เลื่อนมารับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 400 ล้านบาท และงานในปีนี้ควรจะเพิ่มมากกว่า 500 ล้านบาท ส่วนการรับรู้รายได้ขึ้นอยู่กับจะประมูลได้เมื่อใด
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯก็หวังงานประมูลโครงการใหญ่จากต่างประเทศมากกว่า โดยขณะนี้ได้เข้าไปยื่นประมูลงานบ้างแล้ว บริษัทคาดหวังว่าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศสูงกว่าปีก่อนที่อยู่ในระดับ 30%% เพราะปีนี้น่าจะมีงานจากหลายแห่งที่กำลังรอผลอยู่ เช่น ออสเตรเลียและญี่ปุ่น
"ปีนี้ขึ้นกับหลายอย่างเพราะบางโปรเจ็คต์มีปัญหาก็ต้องเลื่อนออกไป ที่เรียบร้อยหน่อยก็คงจะคุยไป ต่างประเทศก็มีประมูลไป แต่ยังไม่เป็นที่แน่นอนนอกจากเซ็นสัญญาแล้วจึงจะแจ้ง ปีนี้รายได้ต้องเพิ่มขึ้นแน่ แต่เท่าไรไม่แน่ใจเพราะเพิ่งเริ่มต้น"นายไพบูลย์ กล่าว
นายไพบูลย์ กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทคงยังไม่มีการลงทุนใหม่ เพราะยังมีกำลังการผลิต(capacity)เพียงพอ โดยในปี 53 มีอัตราการใช้ capacity ไม่ถึง 60% ดังนั้น คงต้องรอดูในอีก 2-3 ปีข้างหน้าเมื่อธุรกิจเติบโตดีขึ้น ดังนั้น ขณะนี้จึงไม่จำเป็นต้องใช้เงินสดลงทุนเพิ่มเติม และที่ผ่านมาแม้ว่ายอดขายต่ำแต่กระแสเงินสด(cash flow)ของบริษัทยังอยู่ในระดับที่ดี
สำหรับผลประกอบการในปี 53 นายไพบูลย์ กล่าวว่า ในแง่ของกำไรภาพรวมเมื่อเทียบกับปี 53 ถือว่าไม่ดีนัก แต่ในช่วงครึ่งปีหลังเป็นแนวโน้มที่ดีขึ้นจากครึ่งปีแรก และน่าจะดีต่อเนื่องในปีนี้ จึงคาดว่ากำไรในปี 54 จะเติบโตขึ้นจากปี 53 ตามยอดขายที่เติบโตขึ้นด้วย
"ปีนี้กำไรดีขึ้นตามรายได้ที่โตขึ้นเพราะหวังมีโปรเจกต์ที่เข้ามาใหม่ อย่าง LPG ก็จะขยาย ถังเก็บก็ขยาย ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกทุกคนดูมากกว่า 90 เหรียญฯ ถ้าแพงก็มีเงินลงทุนแน่นอน"นายไพบูลย์ กล่าว
รวมไปถึงราคาหุ้น UEC ที่เริ่มเห็นแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลัง และน่าจะดีขึ้นในปีนี้ตามผลประกอบการที่ดีขึ้น แม้ว่าในช่วงนี้ราคาหุ้นยังไม่ค่อยดีเพราะยอดขายปี 53 หดตัวทำให้มีผลถึงราคาหุ้นด้วย