ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดพุ่ง 83.56 จุดขานรับรายงานเฟด-ข่าวโปรตุเกสขายพันธบัตร

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 13, 2011 06:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (12 ม.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการสำรวจภาวะเศรษฐกิจซึ่งบ่งชี้ว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐในเกือบทุกภูมิภาคเริ่มฟื้นตัวขึ้น รวมถึงอุตสาหกรรมการผลิตและธุรกิจค้าปลีก นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังดีดตัวขึ้นขานรับข่าวความสำเร็จในการประมูลพันธบัตรของรัฐบาลโปรตุเกส

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 83.56 จุด หรือ 0.72% ปิดที่ 11,755.44 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 11.48 จุด หรือ 0.90% ปิดที่ 1,285.96 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 20.50 จุด หรือ 0.75% ปิดที่ 2,737.33 จุด

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคัก เนื่องจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นในแนวโน้มเศรษฐกิจมากขึ้น หลังจากเฟดเปิดเผยรายงาน Beige Book ซึ่งเป็นรายงานสำรวจภาวะเศรษฐกิจจากเฟดทั้ง 12 เขตในสหรัฐว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐในช่วงเดือนพ.ย.จนถึง ธ.ค.2553 ขยายตัวปานกลาง ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจเกือบทั้ง 12 ภูมิภาคเริ่มฟื้นตัวขึ้น และบางภูมิภาคขยายตัวขึ้นในระดับปานกลาง

รายงานของเฟดระบุว่า อุตสาหกรรมการผลิต ธุรกิจค้าปลีก และธุรกิจบริการในพื้นที่ทุกภูมิภาคมีความแข็งแกร่ง โดยผู้บริโภคมีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ซึ่งช่วยให้ยอดค้าปลีกปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งในช่วงเทศกาลวันหยุดปี 2553 นอกจากนี้ เฟดกล่าวว่า ตลาดแรงงานในหลายภูมิภาคเริ่มฟื้นตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคส่วนใหญ่ยังคงหดตัว โดยเฉพาะยอดขายบ้านใหม่และตัวเลขการสร้างบ้านใหม่ที่ชะลอตัวลงเกือบทุกภูมิภาค

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า รัฐบาลโปรตุเกสประสบความสำเร็จในการประมูลขายพันธบัตรมูลค่า 1.25 พันล้านยูโร หรือ 1.62 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของตลาด ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของโปรตุเกสและวิกฤตหนี้ยุโรป

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายคนยังไม่มั่นใจว่า สถานะการเงินของโปรตุเกสจะประสบปัญหาอีกหรือไม่หากเศรษฐกิจภายในประเทศกลับไปเผชิญกับภาวะถดถอยอีกครั้งในปีนี้ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็จะทำให้โปรตุเกสต้องขอความช่วยเหลือด้านการเงินจากไอเอ็มเอฟและสหภาพยุโรปเช่นเดียวกับกรีซและไอร์แลนด์

หุ้นกลุ่มธนาคารทะยานขึ้น โดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ปิดบวก 2.5% หลังจากนายเจมี ไดมอน ซีอีโอของเจพีมอร์แกนกล่าวให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ CNBC ว่า เจพีมอร์แกนอาจจะจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 2 ขณะที่หุ้นแบงค์ ออฟ อเมริกา ปิดพุ่ง 2%

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนพ.ย. ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนธ.ค.และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนธ.ค.และตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ย. ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนธ.ค. และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดเผยข้อมูลการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนธ.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ