นายชนินทธ์ โทณวณิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.ดุสิตธานี (DTC) คาดว่าในปี 54 จะกลับมามีกำไร หลังจากในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมามีผลขาดทุนต่อเนื่อง เนื่องจากธุรกิจโรงแรมประสบปัญหาจากภาวะการเมือง ตั้งแต่เหตุการณ์ปิดสนามบิน และปีที่แล้วมีปัญหาการชุมนุมบริเวณสีลมใกล้โรงแรมดุสิตธานี
"ปีนี้มั่นใจว่าจะมีกำไรจากการดำเนินงานแน่นอน และรวมกำไรจากการขายกองทุน DTCTF ก็จะทำให้เป็นปีที่ดีมากปีหนึ่งของบริษัท โดยคาดว่ารายได้จะโต 10-15% จากปี 53 ที่มีรายได้ 3 พันล้านบาท" นายชนินทธ์ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทจะลงทุนธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจโรงแรม ได้แก่ การให้เช่าอพาร์ตเม้นท์ , ให้เช่าเรสซิเดนท์ ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาพื้นที่ใจกลางกรุงเทพ ซึ่งเชื่อว่า หากประสบความสำเร็จ 1 โครงการ น่าจะมีโอกาสในการพัฒนาธุรกิจด้านนี้ต่อเนื่องในอนาคต เพราะที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดธุรกิจนี้ที่ตะวันออกกลาง 2 แห่ง ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี และจะเปิดเพิ่มอีก 3 แห่งในตะวันออกกลางในปีนี้ โดยธุรกิจนี้มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 50-60% และมีการเช่าระยะยาว ซึ่งดีกว่าธุรกิจโรงแรมที่มีมาร์จิ้นประมาณ 30%
นอกจากนี้บริษัทมองการกระจายธุรกิจโรงแรม ไปยังต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยขณะนี้ทำการศึกษา 2-3 แห่ง โดยจะเป็นการเข้าไปซื้อกิจการโรงแรมในยุโรป ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เวลากว่าจะสรุปได้ ซึ่งคาดหวังว่าจะได้ข้อยุติภายในปีนี้
ส่วนในประเทศ บริษัทมีแผนจะเข้าซื้อกิจการอีก 2-3 แห่ง โดยเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญ ได้แก่ หัวหิน ภูเก็ต เชียงใหม่ โดยที่ผ่านมา เมืองท่องเที่ยวเหล่านี้ต่างประสบปัญหาเศรษฐกิจและการเมือง น่าจะมีบางแห่งที่ต้องการขายกิจการ ขณะที่บริษัทมีความพร้อมด้านเงินทุน เนื่องจากมีวงเงินออกหุ้นกู้อยู่จำนวน 5 พันล้านบาทซึ่งได้ขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นแล้ว และหากจะกู้เงินสถาบันการเงิน บริษัทก็มีความพร้อม เพราะปัจจุบันมีอัตราหนี้สินต่อทุนเพียง 0.1 เท่า
"ตอนนี้ ดุสิตฯจะต้องเน้นการเช้าซื้อกิจการ และกระจายความเสี่ยงไปยังต่างประเทศ เพราะเราไม่เหมือนคู่แข่ง อย่าง MINT และ CENTEL ที่มีธุรกิจอาหารมาช่วยกระจายความเสี่ยง เราจึงต้องเน้นไปเติบโตยังต่างประเทศ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเหมือนที่ผ่านมา"นายชนินทธ์ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนจะขยายขนาดกองทุน DTCTF โดยจะรอดูผลประกอบการของกองทุนในอีก 6 เดือนข้างหน้า สำหรับปี 54 กลุ่มโรงแรมดุสิตธานีมีแผนปรับราคาห้องพัก อีกประมาณ 10% โดยจะเน้นในพื้นที่เชียงใหม่ ภูเก็ต เพราะราคาห้องพักโรงแรม 5 ดาวในกลุ่ม ยังถือว่าถูกกว่าโรงแรม 5 ดาวในเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ ในประเทศอื่น เช่น สิงคโปร์ , ฮ่องกง, หลวงพระบาง ประมาณ 100% และปีนี้เชื่อว่าอัตราการเข้าพักของกลุ่มดุสิตจะเพิ่มเป็น 70% จากปีก่อนมีอัตรา 50- 60%