ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 23.54 จุดหลังจำนวนคนว่างงานสหรัฐพุ่ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday January 14, 2011 06:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (13 ม.ค.) หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสัปดาห์ที่แล้วพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าภาวะซบเซาในตลาดแรงงานอาจส่งผลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นไปอย่างเชื่องช้า อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ปรับตัวลงในกรอบที่จำกัด เนื่องจากหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจส่งออกดีดตัวขึ้นหลังจากสกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโร ซึ่งเป็นผลมาจากข่าวที่ว่ารัฐบาลสเปนและอิตาลีประสบความสำเร็จในการออกพันธบัตร

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 23.54 จุด หรือ 0.20% แตะที่ 11,731.90 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 2.20 จุด หรือ 0.17% ปิดที่ 1,283.76 จุด และดัชนี Nasdaq ปรับตัวลง 2.04 จุด หรือ 0.07% ปิดที่ 2,735.29 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 931 ล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 4 ต่อ 3

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กอ่อนตัวลงหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 8 ม.ค. พุ่งขึ้น 35,000 ราย แตะระดับ 445,000 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 405,000 ราย ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ เพิ่มขึ้น 5,500 ราย แตะระดับ 416,500 ราย สะท้อนให้เห็นว่า ตลาดแรงงานสหรัฐยังคงอ่อนแอ แม้เศรษฐกิจส่งสัญญาณถึงการฟื้นตัวแล้วก็ตาม

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กซบเซามากขึ้น เมื่อนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวในที่ประชุมธุรกิจที่วอชิงตันว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัวในอัตรา 3-4% ในปีนี้ แต่ยังไม่แข็งแกร่งมากพอที่จะทำให้อัตราว่างงานลดลงได้ โดยปัจจุบันอัตราว่างงานของสหรัฐยืนอยู่ที่ระดับ 9.4% ซึ่งนับว่าสูงมาก

จำนวนคนว่างงานที่พุ่งขึ้นในรอบสัปดาห์ที่แล้วส่งผลให้ราคาหุ้นกลุ่มผู้ผลิตโลหะร่วงลง โดยหุ้นอัลโคปิดร่วง 3% หุ้นนิวมอนท์ไมนิ่ง ปิดลบ 1.7% หุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอร์แกน คอปเปอร์ แอนด์ โกลด์ ปิดลบ 3.1%

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงในกรอบที่จำกัด เนื่องจากหุ้นที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจส่งออกทะยานขึ้นหลังจากสกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร อันเนื่องมาจากข่าวที่ว่า รัฐบาลสเปนสามารถขายพันธบัตรอายุ 5 ปีมูลค่า 3 พันล้านยูโร (3.9 พันล้านดอลลาร์) ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าตลาดรอง ในขณะที่รัฐบาลอิตาลีก็ประสบความสำเร็จในการขายพันธบัตรเช่นกัน ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนส่วนใหญ่คลายความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรป

ตลาดหุ้นนิวยอร์กขานรับรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ยอดขาดดุลการค้าเดือนพ.ย.ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 3.83 หมื่นล้านดอลลาร์ จากเดือนต.ค.ที่ระดับ 3.84 หมื่นล้านดอลลาร์ สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 4.05 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยยอดขาดดุลการค้าเดือนพ.ย.ปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี เพราะได้แรงหนุนจากยอดการส่งออกที่ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันศุกร์ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนธ.ค.และตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ย. ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนธ.ค. และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดเผยข้อมูลการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนธ.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ