บล.ไอร่า ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ไทยออยล์(TOP)ให้ราคาเหมาะสม 89 บาท และหุ้น บมจ.ปตท. อะโรเมติกส์และการกลั่น(PTTAR)ให้ราคาเหมาะสม 44 บาท เชื่อว่ารัฐบาลปรับโครงสร้างราคา LPG ให้สะท้อนราคาในตลาดโลก ซึ่งปัจจุบันซื้อขายกันที่ระดับ 780$/ton จะส่งผลดีต่อผลประกอบการของกลุ่มโรงกลั่นเป็นอย่างมาก
เนื่องจากปัจจุบันผู้ประกอบการโรงกลั่นถูกกำหนดราคาขายไว้เพียง 330$/tonหากสามารถขายที่ระดับ 780$/ton จะทำให้ TOP มีโอกาสได้กำไรเพิ่มขึ้น ประมาณ 1.5-3 พันล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้นเพิ่มเบื้องต้นให้ TOP 0.8-1.6 บาท ขณะที่ ผลดีที่คาดจากการปรับ LPG ต่อ PTTAR 1.2 พันล้านบาท หรือ ประมาณ 0.4 บาท ต่อหุ้น
วานนี้ ที่ประชุม กบง.มีมติเห็นชอบให้ปรับเพิ่มราคารับซื้อก๊าซปิโตรเลียมเหลว(แอลพีจี) หน้าโรงกลั่น ให้เป็นไปอ้างอิงตามราคาตลาดโลก ให้มีผลในวันที่ 14 มกราคม 2554 โดยราคารับซื้อจะปรับเพิ่มขึ้นเป็น 780 เหรียญสหรัฐต่อตัน จากเดิมรัฐบาลมีการกำหนดราคาดังกล่าวไม่เกิน 330 เหรียญสหรัฐต่อตัน ส่งผลให้ราคาหน้าโรงกลั่นปรับตัวไปอยู่ที่ระดับใกล้เคียงกับราคา แนฟทาที่โรงกลั่นขายอยู่ในปัจจุบัน
ด้านบล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)แนะ"สะสม"หุ้น PTTAR ราคาเหมาะสม 43.00 บาท เนื่องจาก กบง.ให้มีการปรับราคารับซื้อก๊าซ LPG หน้าโรงกลั่นเป็น US$780./ตัน จากราคาปัจจุบัน US$330/ตัน ซึ่งจะทำให้โรงกลั่นที่มีการผลิต LPG จะได้ประโยชน์ในการขยับราคาครั้งนี้ ซึ่งรวมถึง PTTAR ด้วยเช่นกัน
อีกทั้งมีมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางราคาน้ำมันดิบ ซึ่งจะเอื้อต่อค่าการกลั่นทางอ้อม รวมถึงราคาปิโตรเคมี โดยเฉพาะ Paraxylene นอกเหนือจากทิศทางราคาน้ำมันแล้ว ปัญหาน้ำท่วมในออสเตรเลีย ทำให้ราคาฝ้ายในตลาดโลกขยับขึ้น ซึ่งเอื้อต่อราคา Paraxylene ทางอ้อมเช่นกัน
พร้อมประเมินกำไรสุทธิใน 4Q53 ของ PTTAR ไว้ที่ 3,217 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 363% qoq และ 115% yoy